เข้าสู่เดือนแห่งความรัก “กุมภาพันธ์” ย่อมมีหนังรัก ๆ เข้ามาให้ชมกันเพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังแนวรักด้วยสยองด้วย ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ล่าสุดกับ Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม (ความยาว 100 นาที) ผลงานของผู้กำกับหนังชาวอินเดีย “เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน” ฉายา “เจ้าพ่อหนังหักมุม” (เจ้าของผลงานหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ เช่น ซิกซ์เซ้นส์…สัมผัสสยอง, ผู้หญิงในสายน้ำ, อาฟเตอร์ เอิร์ธ: สยองโลกร้างปี, สปริท: จิตหลุดโลก และ กลาส: คนเหนือมนุษย์)
เรื่องย่อ Knock at the Cabin เสียงเคาะที่กระท่อม เรื่องราวของ “เอริค” (รับบทโดย โจนาธาน กรอฟฟ์) และ “แอนดรูว์” (รับบทโดย เบน อัลดริดจ์) คู่รักชายรักชายที่รับเอา “เหวิน” (รับบทโดย คริสเตน คุย) เด็กน้อยชาวจีนมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม พวกเขา 3 คน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งออกเดินทางไปพักร้อนที่กระท่อมกลางป่าอันเงียบสงบ แต่จู่ ๆ เขาก็ต้องเจอกับคนแปลกหน้า 4 คน ที่มาเคาะประตูเรียก
ก่อนที่ทั้งสี่จะใช้กำลังจับพวกเขาเป็นตัวประกัน เพื่อกดดันให้ครอบครัวนี้ต้องสังเวยชีวิต โดยให้คนหนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่ง (ระหว่าง “เอริค” กับ “แอนดรูว์”) โดยให้เหตุผลว่า ถ้าพวกเขาไม่ทำ…โลกใบนี้จะล่มสลาย เรื่องราวความสยองริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งสี่แนะนำตัวเองและพยายามขอร้องให้สองหนุ่มเสียสละชีวิตเพื่อส่วนรวม หากมีการปฏิเสธ ทั้ง 4 จะต้องสังเวยชีวิตไปเรื่อยๆ ราวกับเป็นการปลดล็อกคำทำนาย ซึ่งนั่นหมายถึงหายนะกำลังเกิดขึ้นบนโลก และมีผู้คนต้องตายนับแสน บทสรุปของเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
สำหรับ ตัวละคร 4 คนได้แก่ “ลีโอนาร์ด” (รับบทโดย เดฟ บอทิสตา) ครูในโรงเรียนมัธยม หัวหน้ากลุ่มนิสัยใจเย็นสุขุม มีสติที่สุด, “ซาบริน่า” (รับบทโดย นิกกี้ อามูก้า-เบิร์ด) พยาบาลสาวผิวสีจิตใจดี แม้จะดูขลาดเขลา แต่ก็มีน้ำใจกับผู้คนรอบข้าง, “เอเดียน” (รับบทโดย แอ็บบี้ ควินน์) พนักงานสาวในร้านอาหาร เป็นคุณแม่ลูก 1 เธอเป็นคนมีน้ำใจ เอาใจใส่คนรอบข้างเช่นเดียวกับ ซาบรินา และสมาชิกคนสุดท้าย “เรดมอนด์” (รับบทโดย รูเพิร์ท กรินท์ เจ้าของบท รอน วิสลีย์ เพื่อนซี้ แฮรี่พอตเตอร์) หนุ่มพนักงานบริษัทผู้เกี้ยวกราด ใจร้อน แต่ก็เคารพในกฎเกณฑ์ แม้เขาจะมีประวัติไม่ค่อยดีก็ตาม
จุดแข็ง มีการเปรียบเปรยความเชื่อของศาสนาคริสต์ (การปลดปล่อยความตายโลดแล่นบนโลกเสมือนกับเป็น ตัวแทนของ “4 Horsemen” สังเกตตามสีเสื้อที่ตัวละคนสวมใส่จะตรงกับ สีขาว สีแดง สีดำ และ สีเหลืองซีด) ช่วงองค์แรกมีตัวละครที่ชูโรง ทำให้ผู้ชมสนุกไปกับบทของหนังโดยเฉพาะ “น้องเหวิน” น่ารักมาก (ปากแจ๋วมาก) เล่นดีจนแย่งซีนของนักแสดงหลักได้ทุกคน ในส่วนของนักแสดงอย่าง “เดฟ บอทิสตา” เรื่องนี้ต้องมาเป็นครูสอนเด็กนักเรียน ทั้งที่ร่างกายยังล่ำบึ้กเป็นนักมวยปล้ำ แต่เอาเข้าจริงก็ยังคุมบทไว้ได้ดี มีพลัง น่าเกรงขาม มีความน่าสงสารแฝงอยู่ในแววตา นับเป็นอีกผลงานหนึ่งที่เขาทำออกมาได้ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ บทของคุณพ่อทั้งสองคน “เอริค” กับ “แอนดรูว์” มีลักษณะนิสัยต่างกันสิ้นเชิง อีกฝ่ายใจร้อน อีกฝ่ายใจเย็น สีหน้าแววตาความดุดัน ห่วงหาอาทร แม้ไม่มีบทเลิฟซีนแต่เขาทั้งสองก็ยังสอบผ่านแบบไร้ข้อกังขา
จุดอ่อน ช่วงองค์หลังดูเหมือนจะกร่อยและเนือยไปหน่อย หลังจากโดนจับตัวประกันแล้ว “น้องเหวิน” ดูน่าสงสารไปเลย แถม เนื้อหายังเน้นความหดหู่ สร้างสถานการณ์บีบหัวใจ เมื่อเด็กน้อยต้องมาจ้องมองดูการสังเวยชีวิต ซึ่งบทบาทของหนังลักษณะเช่นนี้ คุณพ่อคุณแม่คงไม่ชอบใจอย่างแน่นอน แม้หนังจะพยายามเลี่ยงด้วยการจับเด็กหันหน้าไม่ให้มองแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีเรื่องการใช้ตัวละครไม่ค่อยคุ้มอย่างเช่นบทของ “พี่รอน” หรือ “รูเพิร์ท กรินท์” จากเดิมที่โดดเด่นในฐานะ เพื่อนซี้ แฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่พอมารับบทหนึ่งใน “4 Horsemen” ปรากฏว่า โดนบลัฟซะจนกลายเป็นนักแสดงสมทบแบบปล่อยผ่าน โผล่มาให้เห็นหน้าไม่นานก็โดนสังเวยซะแล้ว เป็นการ “…เอามาฆ่าโดยแท้…” น่าเสียดายเป็นอย่างมาก
3/5 หนังชวนให้ฉุกคิดถึงปัญหาที่จะนำความหายนะ มาสู่โลกใบนี้ ทั้งยังเผยให้เห็นถึงความเสียสละ ความรักอย่างแท้จริง รักอย่าเท่าเทียม บทของหนูน้อยดีงามพระราม 8 แต่ ติดตรงใช้ตัวละครไม่คุ้ม กับเอาเด็กมาเล่นแนวไม่ค่อยเหมาะสม แถมหนังก็ไม่ได้หักมุมอะไรเลย นอกจากตั้งคำถามแรงๆ กลับไปหาผู้ชมว่า ถ้าคุณต้องเสียสละคนในครอบครัว เพื่อช่วยโลกใบนี้จริง ๆ คุณเลือกที่จะยอมให้โลกล่มสลาย หรือ ยอมเสียสละกันแน่.
