ไปขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงครั้งแรกที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ บอกว่า มาในฐานะนักการเมือง

นี่คือคำสัญญาของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่จะทำให้คนไทยทั้งชาติดีขึ้น และอีก 2 ปีข้างหน้า ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นไปอีก เพราะทำงานมาหลายปี แต่ไม่ลืมคำสัญญาว่าจะ “พลิกโฉมประเทศไทย” ให้ดีขึ้นโดยเร็วภายใน 2 ปี ทั้งนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการคนละครึ่ง จะสานต่อถ้าได้อยู่ต่อ และทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม

สรุปว่า “นายกฯ” บริหารประเทศมาแล้ว 8 ปี แต่จะขอไปต่ออีก 2 ปี เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยพลิกโฉมด้วยอะไร ด้วย “บัตรคนจน” ด้วยโครงการ “คนละครึ่ง” ฟังแล้วเพลียจริง ๆ เนื่องจากอยู่มา 8 ปี ไม่ได้พลิกโฉมอะไรตรงไหน แต่จะขอเวลาอีก 2 ปี ทำทันหรือ?

อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน, ผู้คนกำลังยืน และ ดอกไม้

การจะพลิกโฉมประเทศนั้น การเมืองต้องเข้มแข็ง แต่หลังรัฐประหารปี 57 การเมืองไม่เข้มแข็ง พรรคการเมืองอ่อนแอ การประชุมสภาล่มซ้ำซาก เพราะคุมเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ บางพรรคก็ชอบเลี้ยงงูเห่า

ผ่านมากว่า 8 ปี แต่ยังไม่มีการปฏิรูปการเมืองตามเสียงเรียกร้องของ “ม็อบนกหวีด” ที่ออกมาขัดขวางการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 สุดท้ายเหตุการณ์บานปลาย เปิดประตูให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาทำรัฐประหาร

ขอเวลาอีก 2 ปี เพื่อพลิกโฉมประเทศไทย แล้วผ่านมา 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรไว้? ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การทุจริตคอร์รัปชั่นในแวดวงข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ไม่เว้นแม้แต่หลานของนายกฯ ก็มีข้อครหามากมาย เกี่ยวกับการเข้าไปรับงานภาครัฐ

จะพลิกโฉมเศรษฐกิจได้อย่างไร? พล.อ.ประยุทธ์ ต้องโชว์วิสัยทัศน์ออกมา ทั้งกรณีการส่งออกหดตัว ติดลบ 3 เดือนต่อเนื่อง ปัญหาเงินเฟ้อ ราคาพลังงานแพง ปัญหาหนี้สินสาธารณะ และหนี้สินครัวเรือนพุ่งสูง

โครงการเมกะโปรเจคท์ รถไฟความเร็วสูงสายแรก (กรุงเทพฯหนองคาย) วางศิลาฤกษ์ตั้งแต่ปลายปี 60 ปัจจุบันสร้างไปได้กี่กิโลเมตร? แล้วอีก 2 ปี จะสร้างได้ถึง 100 กิโลเมตร หรือเปล่า? ถ้าจะพลิกโฉมประเทศต้องแจ้งความคืบหน้าให้คนไทยทราบ ไม่ใช่พลิกโฉมประเทศด้วยการไปขอโบกี้รถไฟอายุ 40 ปี จากญี่ปุ่นมาใช้งาน

ส่วนปัญหาสังคมจะแก้อย่างไร? ในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางฐานะ-รายได้-การศึกษา ปัญหายาเสพติด ธุรกิจสีเทาระบาดหนัก ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของข้าราชการ ตำรวจ-ทหารมีเรื่องฉาวโฉ่เกี่ยวกับการรีดไถ และเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นเท็จ โดยไม่เกรงใจ รมว.กลาโหม และประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กันบ้างเลย!

แต่ที่ห่วงกันมากตอนนี้ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์ศูนย์วัฒนธรรมมีนบุรี) ประมูล 2 รอบ แถมมีข้อครหาเรื่องการกีดกันผู้เข้าร่วมประมูล เพื่อจะฟันส่วนต่างราคา 6-7 หมื่นล้านบาท กันเลยทีเดียว!

สุดท้ายคือปัญหาการเมือง ถ้าจะพลิกโฉมประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ต้องบอก ส.ว.ลากตั้งให้ฟังเสียงประชาชน และวางตัวอยู่บนกติการะบอบประชาธิปไตยสากล

ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปต่ออย่างไร ในเมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความพร้อมน้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตอนนี้ไปไหนกระฉับประเฉง ไม่ต้องประคองแล้ว

——————————
พยัคฆ์น้อย