เป็นไอเดียที่ตกผลึกออกมาจากคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมาธิการ ที่เชื่อกันอย่างหนักแน่นว่า ในระบบการเลือกตั้งของประเทศไทย มีการแจกจ่ายเงินกันอยู่แล้ว หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า มีการทุจริตกันอยู่แล้ว แต่จับไม่ได้แบบชัด ๆ นั่นเอง

ในสาระสำคัญ … ให้ภาครัฐ (ไม่พ้น กกต.) มีค่าพาหนะสำหรับประชาชนที่เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งคนละ 500 บาทเป็นเบื้องต้น ซึ่งจะใช้งบประมาณรวม 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40 ล้านคน

เหตุผลการให้เงิน 500 บาท??? เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและจูงใจให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และช่วยให้เกิดแนวคิดตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน แทนการตอบแทนนักการเมือง เพื่อให้การใช้สิทธิเลือกตั้งได้ผู้ที่เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรมได้จริงหรือไม่??? รู้กันดี!  

ในที่ประชุมฯ บรรดา ส.ว. ที่ลุกขึ้นอภิปรายในสภา ก็หนุนกันสุดตัว อาทิ นายวงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี ส.ว. ในฐานะเลขานุการ กมธ. ชี้แจงว่า การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา พบการซื้อเสียงทุกพื้นที่ แยบยลมากขึ้น หรือการเลือกตั้งท้องถิ่น ซื้อเสียงเป็นพวง พวงละ 1-2 หมื่นบาท ต้องสร้างความรู้ให้ประชาชนต่อต้านทุจริต การบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งต้องเข้มงวด แก้กฎหมายให้ผู้ขายสิทธิไม่ใช่ผู้กระทำผิด เพื่อกันไว้เป็นพยาน เอาผิดคนซื้อเสียง ให้รางวัลนำจับผู้ให้เบาะแสซื้อเสียง

ปัญหารับเงินซื้อเสียงมาจากความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เสนอให้ กกต. หรือภาครัฐจ่ายค่าเดินทางผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คนละ 500 บาท ใช้เงิน 2 หมื่นล้านบาท จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40 ล้านคน การให้ค่าเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 4 ปี มี 1 ครั้ง ทำให้ประชาชนตอบแทนคุณแผ่นดิน เลือกคนดี ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง

มีการโยนไปให้ กกต. ว่า ประเด็นจ่ายเงิน 500 บาท ให้คนมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เชื่อว่าจะช่วยลดการทุจริตและทาง กกต. สามารถทำได้เลย … ให้มองก่อนจะหางบประมาณมาจากที่ไหน หลักเกณฑ์การจ่ายเป็นอย่างไร ฯลฯ แค่ 2 ข้อสงสัย ก็ยังทำได้ยากเลย แล้วเอาที่ไหนมามั่นใจว่า ทำได้เลยในการเลือกตั้งปีนี้

นอกสภา… นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ตอบข้อคำถามกรณี ส.ว. หลายคนสนับสนุนการเสนอความคิดให้แจกเงิน 500 บาท แก่ประชาชน เพื่อจูงใจให้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ว่า “ไม่ทราบ ไม่อยากพูด” แต่เมื่อถูกถามย้ำว่าแนวคิดนี้ทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “หากจะทำ ก็ทำได้ แต่ต้องไปแก้กฎหมายใหญ่โตมโหฬาร เพราะขณะนี้กฎหมายไม่อนุญาตให้จ่ายเงินสำหรับการเลือกตั้ง แต่รัฐอาจจัดให้ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าต้องเสมอภาค” และเมื่อถามย้ำว่าแล้วมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่เห็นที่ไหนเขาทำกัน”

ชัดเจนแบบนี้?!? … ถ้ายังทำได้ดันทุรังเสนอกันมาอีก ก็น่าคิดแล้วว่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่ในกลางเรื่องราวทั้งหมด 500 บาท หรือไม่???

แต่อีกมุมหนึ่งจากภาคเอกชน นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้า จ.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นจ่ายเงิน 500 บาท ให้ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งว่า ในมุมมองของภาคธุรกิจเอกชนและเป็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นเห็นด้วยอย่างมาก เพราะถือเป็นแรงจูงใจที่จะให้ทุกคนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และยังคงสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมาก ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มาทำงานที่ต่างจังหวัดและไม่ได้ทำงานที่ภูมิลำเนาหรือในเขตที่ตนเองเลือกตั้ง ดังนั้นในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ต้องเดินทางกลับบ้านไปเลือกตั้งตามทะเบียนบ้านที่มีอยู่ ซึ่งถือเป็นรายจ่ายที่หลายคนกังวลและเป็นรายจ่ายที่หลายคนยอมที่จะเสียสิทธิและไม่กลับไปเลือกตั้ง

“สำหรับการจ่ายเงินคนละ 500 บาทนั้น รัฐบาลมีเกณฑ์และแนวทางที่ดำเนินการอยู่แล้ว จากหลายโครงการที่ทำมา ทั้งโครงการคนละครึ่ง, เราเที่ยวด้วยกัน หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกทั้ง 40 ล้านคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง รัฐบาลมีรายละเอียดของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่รัฐบาลจะพิจารณาการจ่ายเงินดังกล่าวได้”

ถึงจุดนี้ ก็น่าคิดทั้ง 2 ทาง เหตุและผลในข้อเท็จจริง เสมอภาค ยุติธรรม ไร้เงื่อนไขแอบแฝงใด ๆ แต่ก็ยังมีปัจจัยสำคัญ “งบประมาณ” เอามาจากไหน และมั่นใจได้อย่างไร หากแจกเงิน 500 บาท ให้คนไปใช้สิทธิแล้ว จะแก้ปัญหาการทุจริตซื้อเสียงได้ และทำให้คนออกมาใช้สิทธิมากขึ้นจริง ๆ … หากบริสุทธิ์ใจในการคิดเสนอแนะแนวทาง ก็ต้องตอบทุกข้อสงสัยของสังคม คนการเมือง ประชาชนให้ได้แบบ 100% นั่นเอง.