เลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงนี้น่าจะสนุก เพราะคนลุ้นหนักว่า 1.จะเปลี่ยนขั้วการเมืองได้หรือไม่ 2. บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะเอาชนะ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ว่ารักกันนักหนา แต่ไปๆ มาๆ น้องตู่ (ซึ่งเป็นจุดขายหลักของ พปชร.) กลับทิ้งพี่ป้อมไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แบบคนงงเป็นไก่ตาแตกกันไปหมดว่า เกิดอะไรขึ้น เพราะบิ๊กตู่ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรชัดเจนในการชิ่งครั้งนี้ แต่ว่ากันว่า “น่าจะไม่พอใจคนใกล้ชิดบิ๊กป้อมบางคน”
ในเรื่องเปลี่ยนขั้วการเมืองได้หรือไม่ ก็มีประเภท “ลูกชุบ” คือเปลี่ยนขั้วการเมือง เช่น เคยอยู่ขั้วรัฐบาลนี้จะเปลี่ยนไปอยู่ขั้วฝ่ายค้านเพราะคะแนนน่าจะดีกว่า บางคนพอประกาศเปลี่ยนขั้วก็เป็นที่เอ็ดอึงกันใหญ่โต อย่าง นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย ที่เดิมจะเข้าพรรคเพื่อไทย ลง ส.ส.นครราชสีมา ปรากฏว่าโดนกระแสต้านรุนแรงทำนองเคยทรยศพรรค (ตั้งแต่คราวที่นายบุญจงออกจากพรรคพลังประชาชนไปอยู่ภูมิใจไทย) จนในที่สุดต้องถอนตัวและมีข่าวว่า จะไปลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรค รทสช. ..ขณะที่เพื่อไทยเองก็รับอดีต ส.ส.พปชร. เข้าพรรค ซึ่งก็เริ่มจะมีกระแสต้านบ้างแล้ง แต่ยังไม่อึงขนาดตอนมีข่าวนายบุญจงจะเข้าพรรค
อย่างไรก็ตาม สีสันสำคัญคือการปรับบุคลิกภาพของบิ๊กป้อม อย่างที่เรียกว่า “ใส่ตะกร้าล้างน้ำ” กันเลยทีเดียว จากลุงแก่ๆ นั่งก็หลับเดินก็เซ ถามอะไรก็บอกไม่รู้ๆ พอขึ้นผงาดคุมพรรคและประกาศจะเป็นนายกฯ คนที่ 30 ก็เปลี่ยนอะไรไปเยอะ ในช่วงที่บิ๊กตู่พักปฏิบัติราชการเพราะรอศาลตัดสินกรณีดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีหรือไม่ บิ๊กป้อมก็เป็น “ลองนายกฯ” ไปก่อน ช่วงนั้นดูเจ้าตัวกะปรี้กะเปร่า เดินสายพื้นที่ต่างๆ พอถามเรื่องอยู่ๆ ทำไมอึดขึ้นมาก็ตอบแบบเป็นคำเท่ๆ “ใจบันดาลแรง”
มีคนว่า เอาจริงภาพลักษณ์ของบิ๊กป้อม (ถ้าไม่ติดเรื่องนาฬิกาเพื่อน) ก็ดูดีกว่าบิ๊กตู่เยอะ เนื่องจากเป็นคนประเภทถ้าอ่านข่าว จะรู้สึกอารมณ์ประมาณ “เรื่องนี้ลุงไม่อยากตอบ ลุงบอกไม่รู้” จนกลายเป็นดูน่าขำ แต่อีกมุมหนึ่ง คือ “การเลือกเงียบ” ก็ได้ ซึ่งมันดู “ซอฟต์ๆ” กว่า ท่าทีของบิ๊กตู่ที่เวลาถามอะไรที่ไม่อยากตอบแล้วมักจะกราดเกรี้ยว (ตั้งแต่เป็นหัวหน้า คสช. ก็ติดนิสัยชอบสั่ง ชอบทวงบุญคุณว่าเข้ามาแก้ปัญหาให้บ้านเมืองด้วย แต่หลังๆ เรื่องทวงบุญคุณไม่ค่อยเจอแล้ว) เป็นนายกฯ ที่หน้าตาดู “มูดดี้” ตลอดเวลา คือ บุคลิกแนวๆ กราดเกรี้ยวง่ายนี่ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ผู้นำ
ขณะที่ บิ๊กป้อมดูเป็นคนที่บุคลิกไม่ค่อยสร้างความขัดแย้งเท่าไร และมีการปล่อยข่าวเชิงโยนหินถามทางมาตลอดว่า “สามารถทำงานร่วมได้ทุกคน ทุกขั้ว”เพราะเป็น ผบ.ทบ.สมัยรัฐบาลทักษิณ เป็น รมว.กลาโหม ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ แถมยังแก้ต่างไปแล้วว่าตัวเองไม่เกี่ยวกับรัฐประหาร แค่มีเทียบเชิญมาร่วมทำงานหลัง คสช.ยึดอำนาจ (แต่เรื่องนี้ไม่ทราบว่าจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในตัวบิ๊กป้อมหรือไม่ อย่างไร) ว่ากันถึงขนาดว่า บิ๊กป้อมจะเป็นตัวประสานให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้านได้ โดย “กาลเทศะที่เหมาะสม” ไม่ให้มีความขัดแย้ง
คนของพรรค พปชร. ก็พยายามย้ำให้เห็นว่า บิ๊กป้อมมีส่วนในความสำเร็จนโยบายสำคัญของรัฐบาล อย่างระบบบริหารจัดการน้ำ (ซึ่งเป็นเรื่องที่ถ้าทำได้ดี เพิ่มคะแนนนิยมได้มาก เพราะต้องแก้ทั้งน้ำแล้งน้ำท่วมได้) ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ แก้ปัญหายาเสพติด ดังนั้น บิ๊กป้อมมีภาวะผู้นำ เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หรือ อาจารย์แหม่ม เหรัญญิกพรรค แถลงถึงบิ๊กป้อมเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่า “พล.อ.ประวิตรไม่เคยขัดแย้งกับใคร ทำงานร่วมได้ทุกพรรคการเมือง เพราะเป็นผู้นำที่มีลักษณะพิเศษ ไม่ขัดแย้ง ไม่โกรธ ให้อภัยทุกคนตลอด กวาดสายตามองออกไปคนที่เป็นเช่นนี้มีไม่เยอะในประเทศไทย ซึ่งจะมาเป็นผู้นำที่ทำให้ประชาชนเห็นว่า ประเทศไทยมีผู้นำที่นำพาประเทศ ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมดได้จริงๆ หากไม่ได้ผู้นำเช่นนี้ ประชาชนยังตีกันอยู่”
พร้อมทั้งนี้ นางนฤมล ระบุว่า พรรคที่จะมาหารฐานเสียงกลุ่มเดียวกับ พปชร. คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พรรคไทยภักดี ที่ต้องแชร์คะแนนกัน ดังนั้นจึงตอบยากมากว่า ส.ส.เขตได้เท่าไร และคงตอบล่วงหน้าไม่ได้ต้องดูตัวเลขคณิตศาสตร์หลังเลือกตั้งว่ามีเสียงเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ แต่ที่แน่นอนและชัดเจนคือ พปชร. มีอุดมการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ปี 61 ที่พร้อมร่วมมือกับทุกคนเพื่อพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง
ขณะที่ ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจ เรื่อง มุมมองประชาชนต่อ พล.อ.ประวิตร ศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,131 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-21 ม.ค. โดยประชาชน 68.4% มอง พล.อ.ประวิตรเป็นพี่ใหญ่การเมือง ที่สามารถเชื่อมประสานเหนือความขัดแย้ง 60.2% ระบุ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของรัฐบาล ที่เป็นวาระตัวแดงของชาติ เช่น การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ประมงผิดกฎหมาย การบินพลเรือน การจัดระเบียบสังคม และยาเสพติด เป็นต้น 60.1% ระบุ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสงบมั่นคงของประเทศ ซึ่งต่างชาติและอาเซียนให้การยอมรับ 59.9% ระบุ ผลงานที่ประทับใจต่อเนื่อง คือไม่ทิ้งคนจนจริง ๆ ทั้งแก้หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน แก้ปัญหาน้ำ 57% ระบุ เป็นเหมือนโล่กำบัง ปกป้องผู้อื่นมาตลอด
56.5% ระบุ เป็นพี่ใหญ่การเมือง สามารถประนีประนอมกับทุกฝ่ายได้ 55.5% ระบุ มีผลงานประจักษ์แก่คนรากหญ้ามากที่สุด และ 53.9% ระบุ เป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนปัญหาปากท้องรากหญ้าให้ทุกคนได้อยู่ดี กินดี โดยเฉพาะพืชผลเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าว ยางพาราและปาล์มน้ำมัน
และดูเหมือนจะมีการดักคอ “ใครบางคน”เล็กๆ โดยสำรวจถามถึงภาพจำ ภาพหลอนการเมืองที่ไม่อยากเห็น พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 75.9% ระบุภาพหลอน คือ การแก้กฎหมายให้คนคนเดียว และเกิดปัญหาการเมือง ความไม่สงบในประเทศอีก 69.4% ระบุ ไม่ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญเปิดทางให้สืบทอดอำนาจเกิน 8 ปีเกินเงื่อนไข สุดท้ายประเทศไม่พ้นวงจรอุบาทว์ ปฏิวัติรัฐประหาร 67.6% ระบุ ไม่อยากเห็นการสืบทอดเสพอำนาจ ไม่รู้จบ 66.6% ระบุ ไม่อยากเห็นการสืบทอดอำนาจแบบสายเลือด ทั้งที่ไม่มีผลงาน มาทั้งตระกูล และส่วนใหญ่ 97.5% ระบุ ต้องการให้คนทำผิดกฎหมาย ที่หลบอยู่ต่างประเทศ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มากกว่าการโจมตีกันเองลิดรอนประเทศ
ช่วงนี้ บิ๊กป้อมก็ “ใจบันดาลแรง” ปาดหน้าน้องตู่เสียหลายครั้ง ครั้งที่ดู “ชัด” ที่สุด คือลาประชุม ครม.ไปราชบุรี ซึ่งว่ากันว่า มีการไปล็อบบี้ ส.ส.ที่คิดจะย้ายไป พปชร. (และเผลอๆ อาจได้ ส.ส.พรรคอื่นมาด้วย) การไปราชบุรีนี่เป็นการไปตัดหน้าบิ๊กตู่ไม่กี่วัน และเมื่อวันที่ 22 ม.ค. ก่อนที่บิ๊กตู่จะไปเยาวราชตอนเย็น บิ๊กป้อมก็ชิงไปเยาวราชตอนบ่าย สไตล์ชิลชิล ใส่กางเกงยีนทะมัดทะแมง ไปง่ายๆ ไม่มีขบวน ใครต่อใครมาถ่ายรูปด้วยได้ตามสบาย โดยบิ๊กป้อมว่าไปส่วนตัว ต้องการพบปะประชาชนอย่างเป็นกันเอง และก็มีคนมาขอถ่ายรูปคึกคัก ขณะที่คณะของบิ๊กตู่ไปเป็นคณะค่อนข้างใหญ่ จนมีข่าวว่าสร้างความรำคาญให้กับคนใช้รถใช้ถนน ซึ่งภาพการเข้าถึงยากง่ายก็ต่างกันแล้ว
ต่อไป 2 ป. คงจะแย่งซีน ไปจนถึงวิ่งลอบบี้ ส.ส.กันก่อนถึงวันยุบสภา ที่น่าสนใจคือ หากมีการอภิปราย ม.152 องครักษ์จะปกป้องใครดีระหว่างบิ๊กตู่ผู้ตีจากพรรคไปแล้ว กับบิ๊กป้อม ซึ่งก็น่าจะถูกอภิปรายเหมือนกัน ซึ่ง พี่ป้อมก็คงยิ้มเย็นๆ แล้วบอกให้ต้องช่วยปกป้องนายกฯ ด้วย ได้มาดภาพความเสียสละอีก
ระหว่างนี้ พปชร.ก็ปรับภาพลักษณ์บิ๊กป้อมกันยกใหญ่ เราจะได้เห็นอะไรเซอร์ไพร้ส์จากรองนายกฯ อีกหรือไม่ก็รอติดตาม โดยเฉพาะที่น่าสนใจที่สุดคือ “เข้าหาได้ทุกฝั่งจริงหรือไม่?”
………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”