ในการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ว่าในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือประชาธิปไตยเต็มใบ รัฐธรรมนูญฉบับใด กติกาเลือกตั้งแบบไหน ผลการเลือกตั้งออกมาจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือมอบความไว้วางใจให้แก่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ประชาชนให้ความนิยมในนโยบายและผลงานที่ชัดเจนโดยมีองค์ประกอบคือตัวผู้สมัครที่มีประวัติ, ผลงาน ทั้งในสภาและการลงพื้นที่ซึ่งพรรคได้กลั่นกรองมาชั้นหนึ่งแล้ว ซึ่งส่งผลให้ จ.กาฬสินธุ์ มีตำแหน่งทางการเมือง (ระดับ) สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือรองประธานสภาแทบทุกครั้งในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนับตั้งแต่ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน หลังเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้น

บทบาทของภาคประชาชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพัฒนาชาติไทย หรือ ผกค. ที่กลับใจมามีบทบาททางการเมืองในการเลือกตั้งตามนโยบาย 66/23 ซึ่ง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะ จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้พรรคความหวังใหม่รวบรวม ส.ส.ระดับ เกรด A ชนะการเลือกตั้งมาแบบยกทีมทั้งจังหวัด 5 คน ส่งผลให้พลเอกชวลิตได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงจากภาคอีสานมาอย่างท่วมท้น และทำให้ ส.ส.กาฬสินธุ์ ได้เป็นรัฐมนตรีถึง 2 คน ในขณะนั้น (นายสังข์ทอง ศรีธเรศ, นายชิงชัย มงคลธรรม)

แต่หลังจากพิษภัยจากเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” ปี 40 พรรคความหวังใหม่ต้องล่มสลายไปจากค่าเงินบาทตกต่ำจากเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง “พรรคไทยรักไทย” ได้ใช้นโยบายประชานิยมและระบบการตลาด เข้ามาเทคโอเวอร์ “ความหวังใหม่” ทั้งพรรคและได้รับชัยชนะมาอย่างแลนด์สไลด์ เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในรัฐบาล “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” โดยมีคะแนนเสียงขั้วประชาธิปไตยจาก “กลุ่มพัฒนาชาติไทย” “สมัชชาคนจน” “สมัชชาเกษตรกรรายย่อย” ต่อมาคือ กลุ่มคนเสื้อแดง ได้รับชัยชนะทุกครั้ง โดยมีนักการเมืองจาก ตระกูล “ศรีธเรศ” “ณ กาฬสินธุ์” “วรามิตร” “ศิริกุล” “บุญเรือง” เป็นหัวหอกลงสมัคร ส.ส.ทุกครั้ง

แม้ว่าในการเลือกตั้ง ส.ส. ล่าสุดปี 62 ส.ส.กาฬสินธุ์ 5 เขต “เพื่อไทย” ก็ได้ยกทีมมาทั้งหมดด้วยกติกาบัตรเลือกตั้งใบเดียว สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบคะแนนเสียงไม่ทิ้งน้ำ ตัดตอนพรรคใหญ่แลกเก้าอี้ให้พรรคเล็ก จากผลของคะแนนที่ออกมาในแต่ละเขต วิเคราะห์มาในทำนองว่าในหลายเขตเลือกตั้งคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.เขต ที่ได้คะแนนรองลงมาแบบไม่ห่างกันมากนัก น่าจะมีส่วนผกผันกับคะแนนเสียงการเลือกตั้งครั้งต่อไปในกติกาบัตร 2 ใบ คือ ส.ส.เขต โดยเฉพาะในเขต 1 ซึ่งมีฐานเสียงหลัก อ.เมือง วิรัช พิมพะนิตย์ หรือ อดีต  “ส.ว. หมู” ปัจจุบันยังมีตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.คมนาคม ของ “ภูมิใจไทย” การลงพื้นที่อย่างหนักและต่อเนื่องไม่ว่าในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ การประสานจัดการวัคซีนโควิด-19 ในสถานการณ์โรคระบาด การประสานงานด้านสร้างซ่อมแซมถนนในงบประมาณประจำ หรือในสถานการณ์น้ำท่วม การทำหน้าที่ ส.ส.นอกสภาไม่ว่าจะงานสาธารณะ หรืองานส่วนบุคคล งานตามประเพณี งานร่วมกับท้องถิ่นมาตลอดด้วยตนเองกว่า 20 ปี กระแสความนิยมและคะแนนสงสารของ “วิรัช” จึงมาแรง จนมีข่าวเล็ดลอดมาว่ามีการดีลลับกับ “เพื่อไทย” สานคะแนนเสียง “หมู” ว่าที่ ส.ส.เขต 1 การที่ยังไม่มีการประกาศว่าที่ผู้สมัครของ “เพื่อไทย” เป็นใคร ไม่ว่าจะเป็น บุญรื่น ศรีธเรศ หรือ ชัย คูสกุลรัตน์ ที่ปรึกษานายก อบจ.กาฬสินธุ์ จึงเป็นแผนอุบไต๋ของคู่แข่งเก้าอี้สำคัญเขต 1 ระหว่าง “ภูมิใจไทย” กับ “เพื่อไทย”

ที่น่าจับตามองอย่างไม่กะพริบตาที่เขต 2 การจัดแคมเปญ  “บำนาญประชาชน” และการลงพื้นที่อย่างหนักตลอดของ 
“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ” หัวหน้าพรรค ทสท. ที่ “คิกออฟ” เปิดตัว วันเพ็ญ เศรษฐรักษา “เจ้นาง” มั่นใจว่าจะปักธง ส.ส.เขตของพรรคได้ที่เขต 2 จ.กาฬสินธุ์ ที่คราวที่แล้วสวมเสื้อ “ภูมิใจไทย” สู้กับ วีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ (ตากุ้ง) ที่อาศัยฐานเสียงของ อรดี สุทธิศรี ผู้วายชนม์ไปแล้ว ก็แพ้แบบมีข้อกังขาจากวิชามารของคู่กัดนอกเกมทั้งพลังเสื้อแดงที่ลุยเต็มพื้นที่ แต่มาในวันนี้กระแส “คุณหญิงหน่อย” มาแรงในพื้นที่ภาคอีสาน “แคนดิเดต” นายกฯ จากแรงเชียร์ของคนเสื้อแดง ที่ได้โชว์พลังมาสองนัดที่ “เจ้นาง” คิกออฟ แบบกองเชียร์แม่ยกมาผูกมัดใจ..มั่นใจว่าจะปักธงชัยในเขต 2 กาฬสินธุ์ ในช่วงระยะเวลาอีกไม่กี่เดือนที่จะมีการเลือกตั้งในสถานการณ์ที่ได้เปรียบจากกระแส ในขณะที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย ยังไม่นิ่งว่าจะเอาใครลงแทน วีระวัฒน์ “ตากุ้ง” ที่ไม่มีคะแนนจากนิวโหวตคนรุ่นใหม่ ด้วยวัย 80 ปี ที่สำคัญนักรบหัวคะแนนจากคนเสื้อแดงได้พลิกกลับไปอยู่กับคู่ปรับเก่าที่น่ากลัว

เขต 3 ในการเลือกตั้งคราวที่แล้ว จำลอง ภูนวนทา จาก “พปชร.” ขวัญใจแม่ยก ตอนรายงานคะแนนนำมาตลอดแบบเตรียมตัดชุด ส.ส. ไว้ล่วงหน้า แต่ปรากฏว่ารอบดึกคะแนนก้อนสุดท้ายกลับแพ้ คมเดช ไชยศิวามงคล “เพื่อไทย” แบบพลิก ซึ่งผลงานของ “จำลอง” เข้าตาพรรคได้รับตำแหน่งที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นรางวัลลงพื้นที่ทำการบ้านมาดี จนมีกระแสติดปากถูกใจแม่ยกกองเชียร์จนมีข่าวลับ ๆ ว่า “คมเดช” ปรับแผนสู้ใหม่เปลี่ยนให้ ยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล หรือ “คุณนายแหม่ม” หวานใจลงสู้แทน โดยเปิดแบล็กลิสต์จากธุรกิจตัวใหม่ที่คิดว่าจะรุ่งกว่า

เขต 4 พีระเพชร ศิริกุล “ครูต๋อย” ศิษย์เอกจอมขมังเวท “วิวรรธนไชย” มาแบบสบาย ๆ ด้วยกระแสพรรคและมีฝีมือด้านการจัดการตลาดการเมืองประชานิยม เป็น ส.ส. ติดต่อกันมาหลายสมัย แต่เที่ยวนี้มาเจอกระดูกชิ้นโตจาก “เม” ประภา เฮงไพบูลย์ ของจริงจากทุนธุรกิจระดับบิ๊กเนม ที่เคยหนุนพรรคใหญ่ให้เป็นรัฐบาลมาตลอด งานนี้ “ประชาพัฒน์” ลงทุนเองเทหมดหน้าตัก จากการสังกัดพรรค “ภูมิใจไทย” ที่มาแรงแซงกระแสแลนด์สไลด์ที่อ่อนตัวของ “เพื่อไทย” ในเขตนี้ได้รับกระแสเปลี่ยนจากทุกกลุ่มไม่เว้นแม้แต่คนรุ่นใหม่เพราะได้รับสมญานามว่า “เมยอดหญิงคอนเนกชั่น”

ส่วนในเขต 5 และ เขต 6 เป็นพื้นที่การรับผิดชอบของ “บิ๊กเนม” กำนันหิต ส.ส.ประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.เบอร์หนึ่งของเพื่อไทย ที่จับมือประสานเสียงกับ “ศรีธเรศ” สู้กับโรงสีใหญ่ “วรามิตร” ที่ “เพื่อไทย” ยังมีแต้มต่อที่จะรักษาเก้าอี้ใน 2 เขตนี้ให้ได้ โดยมีตัวแปรสำคัญจากจอมขมังเวท วิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ กับ “อ้อ” บิ๊กเนม…สอดประสานฮั้วที่ได้รับใบสั่งสกัดแลนด์สไลด์ “เพื่อไทย” ให้ได้…สองเขตนี้จึงขึ้นอยู่กับผลการแบ่งพื้นที่ของ กกต. ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ที่จะต้องมนต์สะกดเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเข้มข้นและดุเดือดเสมือนสมรภูมิรบบนหน้าหนังสือ “สามก๊ก” ที่ไม่อาจละสายตาจากความเคลื่อนไหวในกลเกมตลาดเลือกตั้ง.

ยุทธนา เกียรติดำเนินงาม