มหากาพย์ขุดรากถอนโคน แก๊งอาชญากรแดนมังกร เครือข่ายทุนจีนสีเทา ที่แผ่อิทธิพลแอบแฝงเข้ามาฝังรากลึกทำมาหากินผิดกฎหมายอยู่ในแผ่นดินไทยมานานหลายปี ก่อนจะถูกกระชากหน้ากากเปิดโปงออกมาให้สังคมได้รับรู้ ถึงคดีอาชญากรรมใหญ่ที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ยิ่งกว่าเรื่องราวของบทภาพยนตร์แก๊งอาชญากรระดับโลก

แม้จะข้ามมาปีกระต่าย 2566 แต่เรื่องราวปมร้อนทุนจีนสีเทาก็ยังได้รับความสนใจ แทบจะไม่แผ่วลงเลย

จะว่าไปแล้ว ต้องยกนิ้วชม “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมืองที่ยอมเสี่ยงตาย ทั้งแฉข้อมูลเปิดเบื้องลึกอย่างละเอียด ไขกุญแจดอกสำคัญ เปิดโลกมังกรจีนสีเทา จนโดนเด็ดปีกขอดเกล็ด มีสื่อร่วมเกาะติดตีแผ่กันมากว่า 3 เดือนแล้ว

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน

กระทั่งอัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” กับพวกรวม 41 ราย ได้ทันตามระยะเวลากำหนด ประเดิมเอาผิด “9 ข้อหาหนัก” ไล่ตั้งแต่ ปมยาเสพติด กระทำการในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด, สมคบกระทำ ความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ โดยเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายดำเนินงาน ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน, ร่วมกันตั้งสถานบริการไม่ได้รับใบอนุญาต, รับคนต่างด้าวทำงานไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน และร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น ฯลฯ

เรียกว่าเอาผิดเครือข่ายทุนจีนสีเทา ชนิดจัดเต็มคาราเบล โทษสูงสุดประหารชีวิต!! ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยนัดแรก คดีตู้ห่าว เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 66 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ชูวิทย์ ก็ไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย จนมีผู้ต้องหาหลายคนเห็นหันมามองหน้าด้วยสายตาเคียดแค้นยิ่งนัก

ปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมแก๊งอาชญากรข้ามชาติจากแดนมังกรที่เข้ามาทำผิดกฎหมายในประเทศไทยในหลากหลายรูปแบบ นอกจากจะจับกุมเครือข่ายจีนเทาดำเนินคดีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมี เจ้าหน้าที่รัฐหลากหลายหน่วยงาน เข้าไปมีส่วนโยงใยเกี่ยวข้องไปจนถึงช่วยเหลือ จึงถูกดำเนินคดีกันระนาว บางนายถูกให้ออกจากราชการก็มี

ตอนนี้ทำให้คดีเริ่มเข้มข้น ไม่ว่าจะเอาผิด เครือข่ายทุนจีนสีเทา และ ตำรวจ ที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยืนยันผลการสอบสวน พบ ตร.ตรวจคนเข้าเมือง กว่า 80 นาย มีส่วนเกี่ยวข้อง ระดับ พล.ต.ต. 3 นาย ซึ่งจะถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ตาม ม.157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ ม.149 เรียกรับผลประโยชน์

หนำซ้ำผลพวงยังพ่นพิษไปถึง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เจอแจ๊กพอตแตกด้วย!! เพราะไป ร่วมกันตบทรัพย์ กลุ่มชาวจีนที่แอบอ้างชื่อกงสุลใหญ่นาอูรู ประจำประเทศไทย เช่าบ้านหรู ย่านสาทร แทนที่ ’ฉก.ดีเอสไอตร.191-ทหาร“ จะจับกุม 11 ชาวจีนที่เจอในบ้านหรู ส่งไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ดันไปรีดเงินกว่า 9.5 ล้านบาท แล้วปล่อยตัวไป

ในเมื่อเงินร้อนไม่เข้าใครออกใคร พอคลิปฉาววงจรปิดถูกตีแผ่ออกมาจนมัดตัวดิ้นไม่หลุด จึงเกิดฟ้าผ่าดีเอสไอ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม สั่งย้าย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ และให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล มา รรท.อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบนโยบายการทำงานพร้อม สั่งยกเลิกชุดเฉพาะกิจฉาว ทันที

หากเรื่องราวปราบแก๊งอาชญากรแดนมังกรข้ามชาติ ถูกนำไปเป็นบทภาพยนตร์ ช่วงนี้อาจจะเพิ่งจบซีซั่นแรก ๆ ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง-ดีเอสไอ-ทหาร ติดร่างแหไปกับทุนจีนสีเทา ยังไม่รู้ตอนจบจะออกมาแบบไหน? แต่ที่แน่ ๆ คงเป็นอีกคดีประวัติศาสตร์สะท้อนผลงาน ยุคทองอาชญากรทั่วโลก ลักลอบเข้ามาฝังตัวในไทยแลนด์แดนสวรรค์ ให้นอมินีฟอกเงินผ่านธุรกิจเทา ๆ สารพัดรูปแบบกันคึกคัก

——————————-
เชิงผา