ตลาดนักเตะช่วงฤดูหนาวฤดูกาลนี้เปิดทำการมาได้ 2 ใน 3 ดูเหมือนว่าจะมีแค่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนุกอยู่ลีกเดียวเลยนะครับ…

เอาเฉพาะแค่ เชลซี ทีมเดียว ท็อดด์ โบห์ลี เจ้าของทีมขาวอเมริกัน ก็เซ็นเช็คอุตลุดไปแล้วเกือบ 200 ล้านปอนด์

แพงสุดคือ มิไคโล มูคริก คนเดียวซัดไป 88 ล้านปอนด์ รองลงมาเป็น เบอนัวต์ บาเดียชิล และ โนนี มาดูเอเก คนละ 35 ล้านปอนด์ อังเดรย์ ซานโตส 18 ล้านปอนด์ ดาวิด ดาโตร โฟฟานา 8 ล้านปอนด์ แถมยังควักอีกเกือบ 10 ล้านปอนด์เป็นค่ายืม ชูเอา เฟลิกซ์

ซึ่งตัวเลข 159 ล้านปอนด์ที่ “สิงห์สำอาง” จ่ายไปในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มากกว่าทุกทีมในกัลโ เซเรีย อา, บุนเดสลีกา และ ลีก เอิง รวมกันด้วยซ้ำ!

ณ เวลาที่นั่งปั่นต้นฉบับอยู่นี้ 20 ทีมใน เซเรีย อา เพิ่งจ่ายเงินเสริมทัพรวมกันไปแค่ 7.9 ล้านปอนด์ ลีก เอิง ควักมากกว่าหน่อย อยู่ที่ 9.3 ล้านปอนด์ ขณะที่บุนเดสลีกา จ่ายไปแล้ว 29.7 ล้านปอนด์ โดยในบรรดา 3 ลีกที่ว่านี้ นักเตะที่ย้ายทีมค่าตัวแพงสุดคือ โยนาส ออมลิน นายทวารที่ย้ายไปอยู่กับ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ด้วยค่าตัว 7.9 ล้านปอนด์

สิริรวมแล้ว 3 ลีกรวมกันจ่ายเงินเสริมทัพไป 46.9 ล้านปอนด์ น้อยกว่า เชลซี ทีมเดียวเกือบ 150 ล้านปอนด์…!!!

และอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ดูเหมือนพรีเมียร์ลีก จะสนุกอยู่ลีกเดียวในตลาดหน้าหนาวนี้ เพราะ 10 การย้ายทีมที่แพงสุดในตลาดนี้ อยู่ที่อังกฤษซะ 9 ราย

ในตลาดหน้าหนาวรอบนี้ 20 ทีมในพรีเมียร์ลีก จ่ายเงินเสริมทัพรวมกันไปแล้วเกือบ 360 ล้านปอนด์ ซึ่งจากเวลาที่เหลืออีกร่วม 10 วัน มีความเป็นไปได้ไม่น้อย ที่ตัวเลขรวมของตลาดหน้าหนาวรอบนี้ จะทะลุสถิติสูงสุดเดิมในฤดูกาล 2017-18 ซึ่งอยู่ที่ 491 ปอนด์

เชลซี เองก็ยื่น 55 ล้านปอนด์ขอซื้อ มอยเซส ไคเซโด จากไบรท์ตัน แถมกำลังจะได้ โนนี มาดูเอเก มาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน อีกคน อาร์เซนอล เองที่เพิ่งควัก 27 ล้านปอนด์สอย เลอันโดร ทรอสซาร์ ไป ก็กำลังจ่อจะได้ ยาคุบ คิวิออร์ กองหลังโปแลนด์ของ สเปเซีย มาอีกคนด้วยค่าตัวราว 20 ล้านปอนด์

ในมุมหนึ่งก็เข้าใจว่าการใช้เงินคือวิธีการแก้ปัญหาที่ง่าย และใช้เวลาน้อยที่สุด แต่ไม่ใช่การรับประกันเลยสักนิดว่ามันจะเป็นวิธีที่ได้ผล และที่สำคัญมันไม่ได้ส่งผลดีกับสโมสรในระยะยาวอีกต่างหาก

แต่อย่างว่า โลกฟุตบอลปัจจุบัน โดยเฉพาะในลีกใหญ่ การใช้เวลารอความสำเร็จ เป็นเรื่องตกยุคไปเสียแล้ว…

ผยองเดช