ขึ้นแท่นเป็นอีกนางเอกแถวหน้าของ ช่อง 7 เอชดี สำหรับ พิ้งค์พลอย-ปภาวดี ชาญสมอน นางเอกสาว ที่มักมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ แต่กว่าเธอจะมาถึงวันนี้บนเส้นทางในวงการตลอด 5 ปี เธอต้องเอาชนะบททดสอบต่าง ๆ  มากมาย รวมทั้งในวันที่หมดแพชชั่น ก่อนใช้ทั้งประสบการณ์ ความตั้งใจและศักยภาพ พิสูจน์ตัวจนทำให้มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไม่รอช้า พาแฟน ๆ มาพูดคุยกับสาวสวยคนนี้ ทั้งผลงานล่าสุด “เคหาสน์นางคอย”  ละครดราม่าลึกลับ ที่เธอกำลังโชว์ฝีมือสุดเข้มข้น นอกจากนี้ยังเปิดหลากหลายมุม ทั้งเป้าหมายในปี 2023  ตัวตนด้านที่แฟน ๆ ยังไม่เคยได้เห็น  รวมทั้งยังเผยเรื่องราวการให้กำลังใจและมิตรภาพที่มีต่อคู่จิ้น โก้ –  วศิน อัศวนฤนาท และความประทับใจต่อแฟนคลับ พร้อมเปิดรักแรกของเธอ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้อีกด้วย

ความน่าสนใจของ “เคหาสน์นางคอย” ที่ทำให้เราสนใจอยากร่วมแสดง คืออะไร

“ตั้งแต่จะได้ถ่ายทำเรื่องนี้ ก็ได้ยินชื่อพี่อ้อน(เกวลิน คอตแลนด์) มาก่อน รวมพี่ ๆ นักแสดงท่านอื่นในลิสต์   มีแต่นักแสดงรุ่นใหญ่ เราเลยอยากเล่นเรื่องนี้ เพราะเราได้อ่านบท เนื้อหาน่าสนใจมาก มีซีนดี ๆ และมีซีนที่คิดว่าถ้าไม่ได้เล่นเรื่องนี้ คงไม่มีโอกาสได้เล่นซีนอะไรแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งการแสดงครั้งนี้หนูว่ายากตรงที่เวลาเล่นซีนอารมณ์กับพี่อ้อน เพราะเราจะเป็นคนคอยปลอบ ‘ประพิมพรรณ’ ตลอด และเขามีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นซีนอารมณ์ของพี่อ้อน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ท้าทาย ถ้าเราเล่นไม่ดี หรือพลาดตรงไหน ก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวถ่วง  จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเรา เราต้องทำการบ้านเยอะ ๆ และต้องตั้งใจเล่นด้วยค่ะ”

เล่นกับใครก็ถูกจับคู่จิ้นหมดเลย เรื่องนี้ได้เล่นคู่กับ“บูม-กิตตน์ก้อง ขำกฤษ” เป็นครั้งแรก คาดหวังฟีดแบ็คยังไง?

“หนูอาจไม่ได้คาดหวังว่าต้องเป็นคู่จิ้นบูมพิ้งค์ หนูคาดหวังให้ทุกคนชอบตัวละครที่หนูถ่ายทอดออกไป เป็นน้อง ‘กุ้ง’ และหนูคิดว่าพี่บูมก็คิดเหมือนกันว่าอยากให้ชอบในตัวละครที่พี่บูมเล่น สองตัวละครนี้ถ้าเคมีมันได้และรับส่งกันดี มันก็จะส่งมาให้ทุกคนเห็นเองว่าน่ารัก ซึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ที่สุด หนูว่าเป็นความใจกล้าของกุ้ง ถ้าเป็นเราคงไม่กล้า และในเรื่องก็มีแต่คนดีทั้งนั้นเลยที่กุ้งต้องรับมือ (ยิ้ม) ได้เห็นถึงความที่เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี และอดทนสูงมากและแน่วแน่มาก ๆ ก็ชอบในตัวละครนี้และนำมาปรับใช้กับตัวเองบ้างเหมือนกันค่ะ อย่างบางเรื่องที่เรากลัว เราก็ลองทำดูก่อนมั้ย”

ใช้ชีวิตในวงการมา 5 ปีแล้ว คิดว่าความท้าทายของการเป็นนักแสดงของเรา ณ ตอนนี้คืออะไร?

“หนูท้าทายกับตัวเองค่ะ เพราะเราเริ่มทำงานมาก็สักระยะนึงแล้ว เราก็ท้าทายกับตัวเองตลอดว่าจะทำกับบทนี้ได้ดีมั้ย สามารถพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเราตั้งใจทำงานมากนะ พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าที่เรามาถึงจุดนี้ได้ คือเราตั้งใจทำงานและมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักแสดง อยากให้ทุกคนเล็งเห็นจุดนี้ของเราด้วย และกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ซึ่งมันอาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางของการเป็นนักแสดง แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของหนูที่ต้องมีขั้นต่อ ๆ ไป ซึ่งกว่าจะมีถึงจุดนี้ได้ เราก็ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มาก็ 5 ปี ทั้งบททดสอบมากมาย ที่มีให้เราได้ทดสอบตลอด อยากให้ทุกคนเล็งเห็นว่าหนูตั้งใจทำงาน อยากให้มองกันจุดนี้ค่ะ”

พอเป็นคนดัง ย่อมถูกจับตามองและคาดหวัง ทั้งในแง่การแสดงและชีวิตส่วนตัว เคยกดดันกับเรื่องเหล่านี้บ้างมั้ย?

“ถ้าเป็นตอนเข้ามาในวงการแรก ๆ ด้วยความเด็กเนอะ อายุประมาณ 18 กำลังจะ 19 เราก็งงว่า ทำไมคนนั้นต้องพูดกับเราอย่างนี้ ทำไมเราต้องโดนคนนี้พูดแบบนั้น พอเราโตขึ้น วุฒิภาวะมากขึ้น เราก็ยอมรับและนำจุดนั้นมาปรับเปลี่ยนในการใช้ชีวิตและการทำงาน และเรารู้สึกว่าเราอยู่ในวงการแบบนี้ มันไม่มีใครที่จะชอบเรารักหรือเกลียดเราร้อยเปอร์เซ็นต์ หนูเลยคิดว่าเราก็อยู่ตรงกลางของเราดีกว่า และทำให้ตัวเองคิดในแง่บวกมากกว่าค่ะ เพราะมันก็เป็นกำลังใจให้เราทำงานได้ดีขึ้นด้วย ก็เห็นบ้างนะคะกับคำพูดที่ไม่ดี แต่เราไม่ได้ใส่ใจ เราใส่ใจกับคนที่เรารักมากกว่าค่ะ”

ตอนนี้คู่จิ้นของเราพี่ โก้ –  วศิน อัศวนฤนาท ก็ไม่ได้อยู่ช่อง 7 แล้ว และมีดราม่าตอนที่ออกไปด้วย ส่วนตัวได้ให้กำลังใจยังไงกันบ้างมั้ย?

“ก็ให้กำลังใจนะคะ ตอนแรกที่เห็นข่าวเราก็ไม่กล้าทักเขาไป (ยิ้ม) เพราะว่ามันก็จะมีก้ำกึ่งว่าทักเขาไปแล้วมันจะดีมั้ย เราก็รู้สึกว่าเราจะถึงขนาดคุยกับเขาเรื่องนี้ได้มั้ย แต่ก็ตัดสินใจทักเขาไปหลังจาก 2 วันที่เห็นข่าว บอกว่าหนูเป็นกำลังใจให้ตลอดเลยนะ ซัพพอร์ทพี่ตลอด เขาก็บอกว่าพี่จะทักมาเราพอดีเลย พี่ต้องตอบคำถามหลายคน หนูก็บอกว่าไม่เป็นไร หนูเข้าใจ แต่แค่อยากบอกว่าหนูคอยซัพพอร์ทและพี่ก็เป็นพี่ที่ดีของหนูเสมอ มีวันนั้นไปเที่ยวห้าง ก็เห็นเขาอยู่ที่นั่นพอดี เขาก็บอกว่าเขาร้องเพลง ก็เลยคิดว่าไปหาเขาหน่อยละกัน ไปให้กำลังใจ และมีการคุยกัน มันเป็นเรื่องของการตัดสินใจของพี่เขา เราไม่ไปก้าวก่ายในส่วนนั้น และเป็นการให้กำลังใจกันดีกว่าค่ะ”

แม้ไม่ได้อยู่ช่องเดียวกัน แต่ก็ยังคงมีมิตรภาพที่ดี?

“ใช่ค่ะ เราอาจเจอกันข้างนอกก็ได้ อาจมีโมเมนต์ที่เราได้ร่วมงานกัน เป็นงานนอกงานต่าง ๆ ก็ได้ค่ะ ยังรอฟินได้อยู่ (ยิ้ม)”

ดูเป็นคนชิล ๆ ไม่ค่อยมีดราม่าเลย ชีวิตในวงการเคยมีช่วงหนัก ๆ บ้างมั้ย?

“ช่วงแรกของการเป็นนักแสดง หนูขอยกตัวอย่างตอน ‘ขิงก็ราข่าก็แรง’ ตอนนั้นเป็นช่วงเราเข้ามาใหม่ ๆ มันเป็นเด็ก ไม่รู้ว่าเราต้องปรับตัวยังไง ต้องดูแลตัวเองยังไง  ทำไมถึงเราโดนคาดหวังให้เป็นแบบนี้ ช่วงนั้นจะเป็นจุดที่ยาก ด้วยความที่เด็กกำลังจะโต เราก็ไม่เข้าใจและเจอคนเยอะ เรารู้สึกนอยด์มาก ทำไมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่สนใจงานละครที่เราเล่น ซึ่งก็ผ่านจุดนั้นมาสักระยะนึงแล้ว ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่อย่างที่บอก เราก็มองแง่บวกซะมากกว่า”

คำวิจารณ์นั้น ทำให้เราไม่อยากไปต่อในวงการหรือหมดแพสชั่นมั้ย?

“มีค่ะ (หัวเราะ) ตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกว่าไม่ชอบนักแสดงนะคะ แต่รู้สึกว่าหรือเรายังดีไม่พอ ที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ เป็นตัวละครนี้ ก็เลยคิดว่าหรือเราจะหยุดไปแล้วไปเรียนแอคติ้งดีมั้ย เพื่อที่จะได้กลับมาทำงานให้ดีขึ้น แต่เอาจริง ๆ แล้วสิ่งที่สอนเราได้มากที่สุด คือประสบการณ์และการทำงานทั้งหมด จะเป็นตัวสอนเราเอง เพราะมันเหมือนเป็นการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด เพราะเราจะย้ายกองไปเรื่อย ๆ แต่ละที่จะมีความรู้ที่สอนเราไม่เหมือนกัน ก็ทำให้เติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้ก็ยังมีบ้าง แต่เราจัดการความคิดตรงนั้นได้เร็วขึ้น”

เวลาที่ผิดหวัง หรือไม่เป็นอย่างที่คิด อะไรเยียวยาหัวใจเราได้ดีที่สุด?

“พลังบวกทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดี กำลังใจที่ดีและครอบครัว วันไหนที่หนูน้อยใจ เสียใจมาก ๆ รู้สึกเหนื่อยมาก เรากลับมาบ้านก็ยังมีครอบครัว มีกำลังใจ คือบางอย่างสิ่งไม่ดีอาจแค่นี้ แต่เราสนใจ มันเลยกลายเป็นขนาดนี้ แต่จริง ๆ คนที่รักเราเยอะขนาดนี้ ทำไมเราไม่สนใจตรงนี้และมาเป็นกำลังใจให้เรา มันก็เป็นวิธีจัดการของหนู ถ้าเราเลือกมองแต่สิ่งดี ๆ ได้ก็เลือกมองแต่สิ่งที่ดีดีกว่า เพราะว่าสุขภาพจิตของเราก็ดีด้วย”

ในฐานะนักแสดง คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในวงการหรือยัง?

“หนูคิดว่าประสบความสำเร็จในด้านที่ว่า ทุกคนก็อาจยอมรับหนูแล้วว่าเป็นคนนึงที่ทำงานได้ค่อนข้างดี (หัวเราะ) ไม่กล้าพูดถึงตัวเองอะไรขนาดนั้นแต่ก็รู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็ก้าวข้าม อย่างน้อยเราก็พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วนะว่าเรามีศักยภาพตรงนี้ มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะศักยภาพของเราเอง นั่นก็เป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จของหนูแล้วอย่างนึง ส่วนปลายทางของการเป็นนักแสดง ยังถือว่าต้องไปต่อเรื่อย ๆ ยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้เยอะเลยค่ะ”

อยากให้คนมองศักยภาพ มากกว่าคำชื่นชมว่าเราสวย?

“ใช่ค่ะ หนูอยากให้คนเปิดใจดูผลงานของเรา ทุกอย่างหนูตั้งใจทำงานมาก และที่หนูมาจุดนี้เพราะหนูตั้งใจทำงานและเต็มที่มาก ถามว่ากว่าจะเป็นนางเอกได้ต้องผ่านความพยายามแค่ไหน คือหนูว่าทุกคนเจอแบบหนูเยอะ แต่วิธีการจัดการของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เราก็พยายามรักษามาตรฐานของเราไว้ เพื่อที่เราจะได้เติบโตไปในวันข้างหน้า”

มีอะไรที่ปี 65 ยังทำไม่สำเร็จ และตั้งใจสานต่อทำในปีนี้บ้าง?

“อยากทำบ้านให้คุณพ่อคุณแม่ค่ะ คือตอนนี้เราก็ซื้อที่ที่ต่างจังหวัด อยากรีบทำบ้านให้คุณพ่อคุณแม่ได้ไปพักผ่อน แต่ปี 65 มันยุ่งมากเลย เราไม่ได้มีเวลาว่างที่จะดูแพลนหรือไปลงตรงนั้น คือเวลาที่ทำอะไรหนูจะดูเองทุกอย่าง จะได้วางแผนถูกว่าอันนี้ต้องทำอย่างนี้ก่อน ยังไม่มีเวลาไปลงตรงจุดนั้น อยากมีเวลาให้จุดนั้นเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่จะได้พักผ่อนไว ๆ (ยิ้ม) ซึ่งก็มีกำหนดไว้อยู่ว่าอยากให้เสร็จในอีกกี่ปี แต่แพลนตั้งใจมาก ๆ กลัวไม่สำเร็จ เลยรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม ก็อยากทำให้เขาไว ๆ ”

เห็นมีรอยยิ้มตลอดเลย อยากรู้จริง ๆ ตัวตนของ “พิ้งค์พลอย” เป็นคนยังไง มีมุมไหนที่แฟน ๆ ยังไม่เคยได้เห็นหรือรู้จักบ้างมั้ย?

“มีค่ะ จริง ๆ แล้วตอนเด็ก ๆ หนูเป็นคนไม่พูดกับใครเลยนะคะ เป็นคนเงียบมาก หนูจะมีเพื่อนมัธยมแล้วทุกคนจะเกรงใจหนู เพราะว่าหนูเป็นคนเงียบ เวลาเพื่อทะเลาะกับใคร ก็จะให้หนูเป็นคนเคลียร์กับคนนั้นให้ และทุกคนจะคิดว่าหนูเป็นคนนิ่ง ๆ แต่จริง ๆ เราเป็นคนสดใสมาตั้งนานแล้ว แต่ด้วยความที่ว่าตอนเด็กเหมือนฟันเรามันเกค่ะ ก็รู้สึกว่าทำไมเรายิ้มไม่สดใสเหมือนคนอื่นเลย เราเลยเลือกที่จะเงียบ จนทำให้เราเป็นคนเงียบตั้งแต่ตอนนั้นมา แต่เราเริ่มมาพูดตอนเข้าวงการนี่แหละค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าพอเงียบปุ๊บ คนก็จะไม่เข้าใจว่าเงียบทำไม ทำไมไม่คุยด้วย แต่จริง ๆ หนูอยากบอกว่าเป็นคนเงียบมาก ถ้าหนูเจอใครไม่รู้จักหนูจะเงียบอย่างเดียวเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยนะ แต่ปกติหนูเป็นคนแบบนั้น เป็นคนเงียบมาก แต่เพิ่งมาเปลี่ยนตอนเข้าวงการ กลับไปเจอเพื่อนที่เรียนมัธยม เพื่อนก็บอกว่าเราเปลี่ยนไปมาก แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดี กลายเป็นตัวเฮฮาของเพื่อนไป”

อัพเดทความหัวใจ ยังโสดอยู่มั้ย?

“โสดตลอดเลย เนี่ยทำงาน 7 วัน มันไม่มีเวลาจริง ๆ แต่ไม่ได้ปิดกั้นนะ ไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือในวงการ หนูก็คุยได้หมด ขอแค่เราคุยแล้วรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง แค่นั้นค่ะ”

มีรักแรกบ้างมั้ย เล่าให้ฟังหน่อย?

“เอาจริง ๆ มันมีหลายรักมากเลย (หัวเราะ) มีประถม มีแบบ ม.ปลาย  มันเป็นเด็กอ่ะ ก็แอบชอบ ถ้ารักแรกเลยนะ ขอย้อนกลับไปประถม เป็นเพื่อนสนิทกัน มันเด็กอ่า เหมือนเขาแค่มาแตะเราก็ เฮ้ย! ชอบฉันเหรอ แล้วเราไปนั่งทัศนะศึกษา ก็นั่งข้างกัน จริง ๆ ไม่มีอะไรหรอก มันหลับซบเรา เราก็อุ้ย! มีใจให้เราแน่เลย (ยิ้ม) เด็กอ่ะเนอะ แต่จริง ๆ ไม่มีอะไร เพื่อนง่วงเพราะหันไปทางโน้นคือหล่นไง มันก็น่ารักดี เราก็ไม่เคยรู้ว่าเพื่อนคนนั้นไปถึงไหนแล้ว เอาจริง ๆ ตอนเด็กตลกมากเลย เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จะเรียกรักได้หรือเปล่า น่าจะเป็นฟีลแอบชอบ (หัวเราะ) ”

พอมาวันนี้ทำงานเหนื่อย ๆ ไม่คิดอยากให้ใครมาดูแลหัวใจบ้างเหรอ?

“มันก็คิดนะคะ บางทีเราเหนื่อย บางเรื่องเราก็ไม่อยากบอกให้คุณพ่อและคุณแม่รู้ กลัวเขาหนักใจ แต่ก็คุยกับเพื่อล่ะกัน (หัวเราะ) ให้เพื่อนเป็นที่ระบาย ก็โอเค เพื่อนก็ให้ความปรึกษาดี”

ณ วัยนี้ ที่ผ่านประสบการณ์มาแบบนี้ มีการงานมั่นคงแบบนี้ คนที่จะอาชนะใจได้ ต้องมีคุณสมบัติอะไรเป็นพิเศษ ที่ทำให้เราคิดว่าแบบนี้ถึงจะอยู่กับเราได้?

“หนูขอแค่คนที่เป็นผู้นำหนูได้ค่ะ เพราะหนูคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงเก่งคนนึง (หัวเราะ) เราก็อยากให้คนนั้นเก่งและเราพึ่งพาเขาได้ เพราะเราก็ดูแลคนอื่นมาเยอะแล้ว ก็อยากมีคนนึงดูแลเราบ้าง สักนิดหน่อยก็ยังดี เราไม่ทำตัวเป็นภาระเธอหรอก แต่เป็นกำลังใจให้เราหน่อย ถ้าหนูมีแฟนหนูอ้อนมากเลยนะ แต่จะไม่ค่อยมีคนเห็นหรอก (หัวเราะ)” 

ในฐานะที่เป็นนางเอก  ทำให้เรามีเลือกเรื่องรูปร่างหน้าหรือฐานะ ที่ต้องเหมาะสมกับเรารึเปล่า มีคิดมุมนี้มั้ย?

“ไม่เลยค่ะ เพราะหนูคิดว่าเรื่องพวกนั้นเป็นปัจจัยบนอก ขอแค่คนที่หนูคุยแล้วเป็นตัวเราเอง แค่นั้น ถ้ามันคุยกันรู้เรื่อง ก็แค่จุดนั้น ซึ่งหนูไม่กล้าจีบใครก่อน เพราะหนูนกบ่อยมาก ไม่มีใครชอบหนูเลยตอนอยู่โรงเรียน อกหักตลอด ใครชอบฉันไม่มี (หัวเราะ) เวลาหนูชอบใครก็ไม่ค่อยบอกเขาเท่าไหร่ เป็นฟีลแบบเขาไปแล้ว แต่เดี๋ยวหนูจะเริ่มใหม่ค่ะ ถ้าหนูชอบใครก็จะเริ่มนิดนึง (ยิ้ม)”

นิยาม “ความรัก” เวอร์ชั่น 2023 หน่อย?

“รัก คือกำลังใจแล้วกัน เพราะว่าเราทำงานหนัก ก็อยากได้กำลังใจจากความรักตรงนี้ส่งมอบ ไม่ว่าจะเป็นตัวเราเองหรือคนอื่นค่ะ”

ท้ายสุดพูดถึงความประทับใจที่มีต่อแฟนคลับหน่อย?

“ประทับใจทุกอย่างเลยค่ะ เขาน่ารักมาก บางครั้งหนูอาจไม่ได้เทคแคร์หมดทุกคน แต่หนูก็พยายามที่จะอยู่กับเขาให้ได้มากที่สุด คือแต่ละคน มาก็ไกลมาก บางคนต้องนั่งรถบัส รถไฟมาหาเรา เรารู้สึกขอบคุณมาก ๆ เลย เป็นความรักที่บริสุทธิ์มาก ที่เขาให้จากใจเลยจริง ๆ การที่เราจะชื่นชอบ ซัพพอร์ทคนๆ นึงมันต้องให้ใจมาก ๆ เลยนะ เราก็รู้สึกเคารพ และดีใจมาก ๆ ที่ทุกคนให้การสนับสนุน ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เขาจะมีกำลังใจ ไม่ว่าจะพิมพ์บอก หรือทำอะไรให้เราต่าง ๆ ก็อยากขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ ส่วนคำพูดของแฟนคลับที่ทำให้เราใจฟู คือตอนนั้นเหมือนมีอะไรสักอย่าง เขาพูดว่าจะอยู่ตรงนี้ คอยซัพพอร์ทหนู ไม่ต้องสนอะไรนะ เขาจะอยู่ข้างหนูเสมอ นั่นแหละทำไมเราไม่มองจุดนั้น เขาส่งกำลังใจให้เราเยอะมาก เราก็อ่านแต่สิ่งดี ๆ สิ ที่เขาส่งมอบให้ หนูก็ไม่มีอะไรจะมอบให้นอกจากคำว่าขอบคุณ และหนูจะเต็มที่กับการทำงานและจะส่งมอบความสุขให้ทุกคนด้วยค่ะ ”

ไม่ว่าจะพูดคุยกี่ครั้ง สาวคนนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและพลังบวกเสมอ เชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะทำให้แฟน ๆ ได้รู้จัก “พิ้งค์พลอย” มากขึ้น และหลงรักเธอมากยิ่งขึ้น!

เรื่อง : วันวิสาข์ ดอกเงิน