เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) บุกจับกุม รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในระหว่างรับมอบกระเช้าอวยพรปีใหม่จากข้าราชการในสังกัด พบหลักฐานคาตา ส่อเป็นเงินส่วยเกือบ 5 ล้านบาท ในห้องทำงาน วันนี้ คอลัมน์ตรวจการบ้าน จึงต้องมาสนทนากับ “วราวุธ ศิลปอาชา” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเป็นเจ้ากระทรวง ว่า ถึงเวลาที่สังคายนา และทำความเข้าใจกับสังคมอย่างไร 

โดย “วราวุธ” ออกมาเปิดประเด็นว่า การที่เกิดปัญหาเมื่อตอนปลายปีที่แล้ว (2565) ภายใน 24 ชั่วโมง ทางกระทรวงทรัพยากรฯ ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น ผมเองก็ได้กำชับว่าอยากทราบผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน ซึ่งพอมีการสอบสวนแล้วก่อนปีใหม่ 2-3 วัน ก็มีการได้ข้อสรุปออกมาว่า อธิบดีกรมอุทยานฯ มีความผิดทางวินัย และด้วยผลจากการตัดสินนั้น ทางกระทรวงทรัพยากรฯ ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรงขึ้นมาแล้ว โดยขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนอยู่ ในกรณีของตัวอธิบดีเอง ตอนนี้ไม่ได้ปฏิบัติงานอยู่ในกระทรวงทรัพยากรฯ แล้ว เพราะว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือขอตัวไปช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนได้อย่างเต็มที่ คาดว่าภายในต้นปี หรือภายในเดือน ม.ค.-ก.พ. นี้ น่าจะได้ข้อสรุป ทั้งนี้การดำเนินการทางวินัย หากสอบสวนแล้ว มีความผิดทางวินัยร้ายแรงจริง โทษทางราชการก็จะมีหลายระดับ ทั้งไล่ออก หรือปลดออก และมีการชดเชยค่าเสียหายต่างๆ ให้กับทางราชการด้วย ซึ่งอันนี้ ก็จะมีระเบียบและมาตรการเขียนเอาไว้ชัดเจนในกฎหมายต่างๆ

@ กรณีนายรัชฎา ถือว่าขาดจากความเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ หรือยัง

โดยกฎหมายแล้ว ยังมีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ อยู่ แต่ว่าไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะว่าการที่จะตัดสินให้ออกจากตำแหน่ง ศาลต้องมีคำสั่งตัดสินว่ามีความผิดออกมา แล้วก็ให้ออกจากราชการหรือให้ปลดออกจากราชการ ซึ่งต้องมีข้อสรุปออกมาให้ได้ก่อน ซึ่งการทำงาน ผมได้กำชับให้คณะกรรมการดำเนินการให้เร็วที่สุด ตรงไปตรงมาที่สุด และต้องมีความรอบคอบด้วยเช่นกัน

“กรณีนี้เป็นกรณีที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงกำชับให้ทำงาน แม้ว่าต้องทำอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องทำให้รอบคอบด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้เขาสามารถฟ้องเรากลับมาทีหลังได้”

@กรณีที่เกิดขึ้น อาจจะมีการพาดพิงถึงตัวรัฐมนตรี หรือผู้บริหารที่อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้นไป ซึ่งพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐมนตรีลาออก เพื่อรับผิดชอบต่อการทุจริตที่เกิดขึ้น 

ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ทางสังคมให้ความสนใจเรื่องนี้ และฝ่ายค้านมีหน้าที่ต้องตรวจสอบ ส่วนข้อแนะนำนั้น ตอนนี้ผมเองก็เพิ่งเคยเจอสถานการณ์นี้เหมือนกัน ตั้งแต่ทำงานมา ก็ขอรับไว้เป็นข้อแนะนำในการทำงาน และจะนำไปพิจารณาในโอกาสต่อไป ว่า ควรจะเดินทางไปอย่างไร แต่ว่า ตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณเดือนกว่าๆ ก็จะแยกย้ายกันแล้ว ก็คิดว่าเดี๋ยวขอดูและจะเร่งทำงาน แล้วก็เร่งแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด

ส่วนกรณีฝ่ายค้านเตรียมนำประเด็นที่เกิดขึ้น ไปอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 นั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านมีสิทธิที่จะทำได้ เพราะเป็นความสนใจของพี่น้องประชาชน เรายินดีชี้แจง

@ มองว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนา ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่

ผมคิดว่า มันเป็นกลไกลที่เกิดขึ้น เวลาปัญหามันจะเกิด ไม่ว่าจะในวงการใด และในวงการราชการ ก็เห็นหลายต่อหลายครั้งที่มีข้าราชการโดนกล่าวหาว่ากระทำความผิด กรณีนี้ก็เช่นกัน และมีความสำคัญไม่แพ้กัน การจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของพรรคหรือไม่ ผมคิดว่าที่ผ่านมา ผลงานที่กระทรวงทรัพยากรฯ เราได้ทำมา ก็ได้ยืนยันถึงความตั้งใจจริงของทางพรรคด้วยเช่นกัน

ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ทำงานมา 3 ปีกว่า ก็มีความก้าวหน้าในหลายมติของกระทรวงทรัพยากรฯ ที่เราได้พัฒนาไป เรียกว่าพลิกผ่ามือ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็ยอมรับว่ากระทบทางความรู้สึกและภาพลักษณ์ของพรรค แต่เชื่อมั่นว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทางสมาชิกของพรรคและผู้สมัครของเรา จะทำงานอย่างเต็มที่ ในการพูดถึงผลงานที่เราได้ทำมา เพราะว่า 3 ปีกว่าที่ผ่านมา มีหลายมิติมาก ที่เราได้ทำ ทั้งเรื่องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

@การซื้อขายตำแหน่งหรือการเรียกรับผลประโยชน์ในกรมอุทยานฯ เป็นเรื่องเรื้อรังและมีกระแสข่าวมาตลอด จะแก้ปัญหาอย่างไร

ผมคิดว่าที่ได้ยินมา มันก็ไม่ใช่แค่ของกรมอุทยานฯ ก็มีหลายวงการที่เราทราบกันดีได้ยินกันมา แต่ว่าสิ่งที่ผมได้ทำไปก็คือ ได้กำชับทุกครั้ง แล้วก็มาตรการการตรวจสอบทางสังคม ผมคิดว่า เป็นปัจจัยที่สำคัญ มีบทบาทอีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากว่า ทางเพื่อน ๆ ข้าราชการ หรือว่าพี่น้องประชาชนมีเบาะแสก็ขอให้แจ้งเข้ามา เพราะว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เวลามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทางกระทรวงฯ ไม่ว่าจะผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือเป็นจดหมาย เป็นเอกสารเข้ามา ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาทุกครั้ง และหลายต่อหลายครั้งก็ได้มีการแก้ไขปัญหากันอย่างเรียบร้อยและให้ความสำคัญกับทุกเรื่องตามที่มีผู้ร้องเรียนมา ดังนั้นตัวผมเองในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีกำกับดูแล ผมเองก็ได้กำชับให้ข้าราชการในทุกระดับ ตั้งแต่ปลัดกระทรวงฯ อธิบดี ให้ความโปร่งใส และให้ความเป็นธรรมในการทำงานกับเพื่อนๆ ข้าราชการทุกคน

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกรมอุทยานฯ เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างตัวบุคคลหรือไม่นั้น เราก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เพราะมีการยอมรับเองว่า จงใจล่อซื้อให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เราก็ไม่ทราบจริงๆ ว่า มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นระหว่างบุคคล 2 คน เราก็ตอบแทนไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่ากรมอุทยานฯ ก็เป็นกรมใหญ่ การเห็นต่างกันในการทำงาน ความขัดแย้งย่อมเป็นไปได้ อันนี้ไม่ทราบจริงๆ เพราะการบริหารงานระหว่างอธิบดี และ ผอ.สำนักต่างๆ เราไม่ได้ลงไปถึงว่า ความขัดแย้งแต่ละสำนักเป็นอย่างไร

@คุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ คนใหม่

แน่นอนว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในเนื้องานของกรมอุทยานฯ เป็นอย่างดี แล้วก็ต้องเป็นคนที่ทำงานด้วยความรวดเร็ว มีความโปร่งใส ตอนนี้กำลังพิจารณากันอยู่ กระทรวงทรัพยากรฯ เพิ่งมีการแต่งตั้งโยกย้ายไปเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว การจะโยกย้ายอีกครั้งหนึ่ง คงไม่สามารถทำแบบสลับกรมใดกรมหนึ่งได้โดยตรง เพราะว่า จะเกิดผลกระทบกับอีกหลายๆ กรม อาจจะต้องมีการโยกย้ายแบบโยก 3 เส้า 4 เส้า อะไรเช่นนี้ และต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะทราบดีว่า ทางสังคมจับตาดูคนที่จะมาเป็นอธิบดีคนต่อไปอยู่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในเดือน ม.ค.-ก.พ. นี้ จะมีการแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่ขึ้นมา ทำหน้าที่แทนเรียบร้อย