ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้มีการบังคับใช้ร่างกฎหมายกองทุนในทันที โดยสภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์ ลงมติผ่านร่างกฎหมายฉบับแก้ไข เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา และกำลังรอคู่กฎหมายจากวุฒิสภาอยู่ ซึ่งมาร์กอสกล่าวว่า กองทุนจะนำ “การลงทุนเพิ่มเติม” มาสู่ประเทศ ในขณะเดียวกัน ทีมเศรษฐกิจของเขา กล่าวถึงกองทุนของรัฐที่คล้ายคลึงกันในสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จที่ฟิลิปปินส์สามารถเก็บเกี่ยวได้
แต่ข้อเสนอในการจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนมาฮาร์ลิกา (เอ็มไอเอฟ) เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก เนื่องจากกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐในประเทศเพื่อนบ้าน ประสบปัญหาการบริหารจัดการที่ผิดพลาด และการทุจริต อีกทั้งมันยังไม่แน่ชัดว่า ข้อเสนอของฟิลิปปินส์จะมีมาตรการป้องกันที่แตกต่างออกไปหรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์และนักวิจารณ์หลายคนแสดงความกังวลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กองทุนอาจกลายเป็นสิ่งที่สร้างเรื่องอื้อฉาวได้
ในการตอบกลับคำวิพากษ์วิจารณ์ ฝ่ายนิติบัญญัติของฟิลิปปินส์แก้ไขแผนเอ็มไอเอฟของพวกเขา, ไม่กำหนดประธานคณะกรรมการบริหารของกองทุนอีกต่อไป และเปลี่ยนแหล่งที่มาของเงินเริ่มต้น จากกองทุนบำเหน็จบำนาญ เป็นเงินปันผลของธนาคาร แต่กระนั้น หลายคนยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ เนื่องจากความเสี่ยงสืบเนื่องของการลงทุนภาครัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั่วโลกกำลังจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และตระกูลมาร์กอสไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อปัญหาคอร์รัปชั่นและความมั่งคั่งที่อธิบายไม่ได้ ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงจัดการชุมนุมหน้าสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อประณามการจัดตั้งกองทุน
แม้ในตอนแรก ธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใส ในการจัดการกองทุนเอ็มไอเอฟ แต่สำหรับตอนนี้ ธนาคารกลับสนับสนุนการจัดตั้งกองทุน โดยผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์กล่าวว่า ความกังวลของเขา “ได้รับการคลี่คลายอย่างสมบูรณ์” พร้อมกับเสริมว่า เขาไม่คิดว่ากองทุนที่มีการเสนอในขณะนี้ จะมีผลกระทบด้านลบต่อความสามารถของธนาคาร ในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาในประเทศ
อีกด้านหนึ่ง ผู้สันทัดกรณีด้านการเงินมีความกังวลเพิ่มขึ้นมานานแล้ว เกี่ยวกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่อาจมีการทุจริตและการบริหารจัดการที่ผิดพลาดเกิดขึ้น ดังเช่นคดีการทุจริตกองทุนพัฒนาแห่งชาติ (วันเอ็มดีบี) ในมาเลเซีย นอกจากนี้ เนื่องด้วยฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับที่ 117 จาก 180 ประเทศ ของดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (ซีพีไอ) ล่าสุด ประชาชนจึงมีเหตุผลดีพอที่จะกลัวการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่อาจเกิดขึ้นกับกองทุนเอ็มไอเอฟได้
กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ หรือกองทุนสวัสดิการแห่งชาติจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อได้รับเอกภาพทางการเมือง โดยซานเชซเน้นย้ำถึงความจำเป็นของช่องว่างระหว่างฝ่ายบริหารของรัฐบาล และคณะกรรมการบริหารของกองทุน แต่อีกวิธีหนึ่งที่จะขัดขวางการทุจริตในกองทุนความมั่งคั่งเหล่านี้ คือ การรวมเอาผลประโยชน์โดยตรงมาสู่สาธารณะ ซึ่งการให้เงินเช่นนี้ จะเพิ่มการส่วนร่วมของพลเมืองในกองทุนเอ็มไอเอฟ.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES