พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ “พี่หมง” อดีต ผบ.สส. และอดีต ทส. ของ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี รัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรี โทรฯ มาคุย หลังมีคนส่งคลิปคุณครูคนหนึ่งพูดถึง “ป๋าเปรม” ให้นักเรียนฟังมาให้หลายวันก่อน พี่หมงส่งต่อมาให้ พร้อมถามสั้น ๆ “รู้สึกยังไง” ก็ไม่รู้ชะตากรรมครูจะจบยังไง จึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ครูพึงระวังยิ่ง อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวยัดเยียดให้เด็ก อย่าลืมเด็กยุคนี้ไม่โง่ ไม่ได้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแบบที่ผู้ใหญ่ยุคนี้ชอบสบประมาท เค้ามีข้อมูลท่วมตัว

โลกยุค 5G แทบย่อโลกทั้งใบมาไว้ในมือถือเครื่องเดียว หลายธุรกิจ หลายสถาบันที่ปรับตัวไม่ทัน ถูกทำลายล้างมาแล้ว

พูดถึง “พี่หมง” ต้องบอกว่า เป็นนายทหารที่มีบทบาทสูงมากคนหนึ่ง เดินงานการเมืองให้ “ป๋า” ร่วมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ.ยุคนั้น จำได้ว่า แม้แต่การเดินทางไปเจรจาเพื่อขอกู้เงินจากรัฐบาลจีนร่วมกับแบงก์ชาติ และ นิพัทธ พุกกะณะสุต มือดี จากคลัง เพื่อกู้วิกฤติทุนสำรองประเทศ พี่หมง ก็มีส่วนสำคัญด้วย มิน่า ตอนหลังที่ต้องไปกู้ “วิกฤติทีพีไอ” ถึงเป็นนายทหารที่มีความรู้ด้านบริหารธุรกิจและการเงินแบบคาดไม่ถึง จนทีพีไอเปลี่ยนเป็น “IRPC” กลับมาได้อย่างมั่นคงจนทุกวันนี้

กลับมาเรื่องคลิปต่อ เท่าที่ฟังพอจับใจความที่ครูสาวพูดถึง “ป๋าเปรม” มีเรื่องส่วนตัวที่ไม่สมควร มีสิทธิโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้เลย หากป๋ายังอยู่ แต่อีกเรื่องพูดถึง “ป๋า” ว่า เป็นนายกฯ เผด็จการ สร้าง รธน.ที่ควบคุมอำนาจในมือทหาร ซึ่งเป็นวิกฤติการเมืองที่พูดกันมานาน นับจากไทยเปลี่ยนจาก “ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” มาเป็น “ระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” แต่ทำไมไทยยังย่ำเท้าอยู่กับที่ มีปฏิวัติบ่อยสุดในโลก เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้ให้ถึงฝั่งฝัน มี “ประชาธิปไตย” แท้จริงกันต่อไป

แต่ในฐานะเคยเป็นนักข่าวทำเนียบที่ “ป๋าเปรม” เป็นนายกฯ เวลา 8 ปีเต็ม ไม่น้อย ได้สัมผัสตัวตนของป๋า ในฐานะผู้นำยุค “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” นายกฯ ไม่ต้องเป็น ส.ส. ไม่ต่างจากยุคสมัยนี้ ป๋าจึงลอยตัวแต่ไม่ขาลอย บรรยากาศต่างกันลิบลับ ฝีมือบริหารประเทศ ความเก่ง วุฒิภาวะ การเลือกใช้คน การตัดสินใจ ความสง่างาม และความกล้าหาญทางการเมือง แม้มี ส.ว. รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้อัปยศขนาดให้ ส.ว. ลากตั้ง 250 คนเลือกนายกฯ ได้ถึง 2 สมัย ยุคนี้จึงเป็นยุคสืบทอดอำนาจที่น่าเกลียดและเอาเปรียบที่สุดก็ว่าได้

8 ปี เรื่องราวมากมายดังที่บอก ป๋าสุขุมลุ่มลึก จนเป็น “นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” ด้วยซ้ำ แต่แปลกมั้ย ป๋าเป็นคนพูดน้อยมาก จนนักข่าวจัด 10 อันดับ รมต.ครั้งแรก ก็ได้ชื่อว่า เตมีย์ใบ้ และคำขวัญคือ กลับบ้านเถอะลูก เพราะไม่ฉุนเฉียว ขี้ยัวะ เกรี้ยวกราด ตบโต๊ะ เขวี้ยงเปลือกล้วย ฉีดแอลกอฮอล์ใส่นักข่าว เมื่อปะกับคำถามชวนปรี๊ด อย่างมากก็แค่ กลับบ้านเถอะลูก เป็นอันจบข่าว เรื่องพูดน้อยนิด วันหนึ่งป๋าเรียกนักข่าวไปบอกว่า “ที่พูดน้อย เพราะเป็นผู้นำจะพูดอะไรต้องให้ถูกต้อง รมต.พูดผิด นายกฯ ยังแก้ให้ถูกได้ แต่หากผู้นำพูดผิดอยู่เรื่อย ใครจะแก้ให้ จะพูดอะไรจึงต้องมีข้อมูลชัดเจน และถูกต้อง”…นั่นคือ ป๋า

เหนืออื่นใด ป๋าไม่สร้าง “เฮทสปีช” ทำสังคมแตกแยก ถ้าเป็นนักมวยก็รุ่นเฮฟวี่เวต พูดน้อย ต่อยหนัก ไม่เพ้อเจ้อ ไร้สาระ

รำลึก'ป๋าเปรม'ครั้งสุดท้าย พระราชทานเพลิงศพ8ธ.ค. | เดลินิวส์ | LINE TODAY

อีกซักเรื่อง ป๋ามี “เทคโนแครต” หรือที่ปรึกษา “ลือชื่อ” รอบตัว ไม่ใช่ใครก็ได้ เช่น ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร, ดร.สุขุม นวลสกุล, ดร.วทัญญู ณ ถลาง แม้แต่ท่านประธานองคมนตรีปัจจุบัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ป๋าก็ให้ดูแลเรื่องข้าวเรื่องน้ำ เป็นต้น ดร.โกร่งเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนถูกชักชวน ป๋าเรียกไปบอกว่า “เป็นนักวิชาการอย่าถือตัวว่ามีความรู้นัก ไม่เอามาใช้เพื่อบ้านเมือง ก็เปล่าประโยชน์” เจอวิกฤติลดค่าเงินบาทถึง 2 ครั้ง ป๋า จึงกล้าปลด นุกูล ประจวบเหมาะ ออกจากผู้ว่าการ ธปท. แม้มีปฏิวัติโดย “ยังเติร์ก” หรือเหตุการณ์ “ป่าแตก” คอมมิวนิสต์ พ่ายแพ้ ป๋าจึงจัดการได้โดยสงบ บ้านเมืองไปต่อได้

จีดีพีโต 2 หลัก เป็นยุค “โชติช่วงชัชวาลย์” วางพื้นฐานอุตสาหกรรมสำคัญด้านพลังงาน ขุดน้ำมันและแก๊สในอ่าวไทยมาใช้ จบด้วยตำนาน ป๋าพอแล้ว เมื่อถึงเวลาต้องวางมือ ปิดฉากนายกฯ 8 ปี อย่างสง่างาม และเป็นที่จดจำ

นั่นคือ บางด้านที่อยู่ในความทรงจำของนักข่าวทำเนียบรัฐบาล ยุคป๋าเปรมคนนี้

——————-
ดาวประกายพรึก