บทสะท้อนผลงานของ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับการนำรัฐนาวาบริหารประเทศไทยมานานกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 9 ตอนนี้โดนถล่มเจาะทะลวงไปที่ ปัญหาการทุจริต ที่ยังคงเกิดขึ้นซ้ำซากในภาครัฐหลากหลายหน่วยงาน แถมมีข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องมากมาย

ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในระบบราชการ ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ระบบการเมืองการปกครอง และการบริหารราชการจึงทำให้สังคมตามเกาะติดให้ความสนใจกันแบบข้ามปี เพราะอยากดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่ขอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก ในบัญชีของ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะแสดงบทบาทช่วงบั้นปลายของรัฐบาล สางปัญหาวิกฤติใหญ่เรื่องนี้อย่างไรบ้าง?

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ การต่อต้านการทุจริตและการประพฤติมิชอบ เป็นอีกนโยบายสำคัญอยู่ใน แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ในด้านความมั่นคง มีเป้าหมายให้ประเทศไทยปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยใช้ตัวชี้วัดคือ ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ของประเทศไทย (อันดับ/คะแนน)

หากย้อนกลับไป ดูค่าเป้าหมาย CPI ในแผนแม่บทตั้งความหวังเอาไว้ “ปี 2561-2565” ให้อยู่ในอันดับ 1-55/คะแนนไม่ต่ำกว่า 50 คะแนน แต่ความเป็นจริงของ CPI ปี 2564 ไทยได้เพียง 35 คะแนน อันดับ 110 (จาก 180 ประเทศ) เรียกว่า สอบตก (อันดับ/คะแนน) ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มาก!!

ขณะเดียวกันค่าเป้าหมาย CPI ปี 2566-2570 ตั้งให้อยู่ในอันดับ 1-43 คะแนนไม่ต่ำกว่า 57 คะแนน, ปี 2571-2575 อยู่ในอันดับ 1-32 คะแนนไม่ต่ำกว่า 62 คะแนน และ ปี 2576-2580 อยู่ในอันดับ 1-20 คะแนนไม่ต่ำกว่า 73 คะแนน แต่ก็ยังคงเกิดปมฉาว ๆ เกี่ยวกับทุจริตในไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้เสนอผลสำรวจ เรื่อง ปัญหาทุจริต วิกฤติซ้อน วิกฤติประเทศ โดยศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,020 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5-7 ม.ค. 66

เชิงผา ขออนุญาตคัดเนื้อหาบางช่วงบางตอนของผลสำรวจมาให้เห็นถึงบทสะท้อนกระแสสังคมที่มีมุมมองปัญหานี้ อาทิ เชื่อว่าร้อยละ 76.7 ระบุปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น เกิดขึ้นสั่นคลอนรัฐบาล และระบบราชการไทยอย่างมาก, ร้อยละ 72.5 ระบุการรับรู้ต่อความล้มเหลวของหน่วยงานรัฐบริหารจัดการนโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นล้มเหลว, ร้อยละ 76.4 ระบุปัญหาทุจริตที่ประชาชนต้องการให้แก้ไขเร่งด่วน ได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ทุนจีนสีเทาและการฟอกเงิน ร้อยละ 76.2 ระบุนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงรู้เห็นเป็นใจสนับสนุนกลุ่มทุนจีนสีเทาและบ่อนต่าง ๆ

ร้อยละ 75.0 ระบุข่าว อธิบดีกรมอุทยานฯ พัวพันเรียกรับส่วยสินบน, ร้อยละ 73.6 ระบุปัญหาเรียกรับเงินใต้โต๊ะ ทุจริตสอบตำรวจ ,ร้อยละ 97.3 เห็นด้วยและสนับสนุน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาแฉกลุ่มทุนจีนสีเทา กระบวนการฟอกเงิน,
ร้อยละ 82.3 ระบุต้องการให้ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เด็ดขาดจริงจังกับปัญหาทุจริตเหมือนสมัย คสช. นอกจากนี้ร้อยละ 95.2 ต้องการ “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” หลังเลือกตั้งถือธงนำปฏิรูประบบราชการ จัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเด็ดขาดจริงจัง

วิกฤติปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นขณะนี้ นับเป็นอีกเรื่องใหญ่กำลังบั่นทอนรัฐบาลประยุทธ์ ช่วงนับถอยหลังโบกมือลา เชื่อว่าน่าจะเป็นกุญแจสำคัญให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือก ’ผู้นำคนใหม่“ ในอนาคต!! ประชาชนให้โอกาสบริหารประเทศมานานเข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว แต่ผลงานปฏิรูปนอกจากไม่เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ความขัดแย้งในชาติคงเดิม หนำซ้ำปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นแก้ไม่ได้เป็นรูปธรรม แถมยังทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ!!.

——————-
เชิงผา