@@@@ คติธรรมปีใหม่ พ.ศ. 2566 พระเทพสีลาภรณ์ วัดป่าพุทธรังษี นครซิดนีย์ ……………….. ในศุภวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2566 ในนามของคณะพระสงฆ์ ธรรมทูตไทย ที่อยู่อาศัยในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาตมาภาพขออำนวยอวยพรให้ท่านทั้งหลาย จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ขอให้ทุกท่าน ทุกคน จงตั้งจิตอธิษฐาน ปราถนาหวังดีอย่างเดียวกันนี้ โลกของเราก็จะมีความสุขสงบร่มเย็น ดีกว่าปีที่ผ่านมา ………………. พระพุทธศาสนาของเรานั้น มีพระธรรมคำสอนให้เชื่อมั่นในกรรมและผลของกรรม ห้ามปรารถนาเอาลอยๆ โดยไม่ต้องทำอะไร หว่านพืชเช่นไรได้ผลเช่นนั้น ทำดีต้องได้ดีทำชั่วต้องได้ชั่ว ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่า จิตวิญญาณของคนเรานั้นเมื่อแรกเข้าสู่ท้องมารดา ไม่มีอะไรมาเลย มีแต่เชื้อบุญและบาปที่ทำไปแล้วในอดีตชาติ ติดตามมาด้วย ถ้าบาปกรรมทำมามาก ก็จะพาให้เดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าบุญทำมามาก วาสนาดีตามมาช่วย ก็จะมีแต่ความสุขความเจริญตามลำดับ …………….. เมื่อสำนึกได้อย่างนี้ ก็ขอให้ตั้งใจทำความดีโดยสม่ำเสมอ เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้เรามีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีความกตัญญูกตเวที เราเกิดมาในโลกอาศัยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ จากพ่อแม่ โตขึ้นมาตามลำดับ ก็อาศัยธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ พ่อแม่พี่น้องท่านนำมาเลี้ยงดู ความกตัญญูกตเวทีต้องมีอยู่ในใจเป็นประจำสม่ำเสมอ จะขาดเสียไม่ได้ ถ้าไม่สำนึกถึงผู้มีพระคุณและตอบบุญแทนคุณท่านแล้ว เราจะเป็นคนอาภัพไปตลอดชาติ จะไม่มีใครสำนึกถึงบุญคุณของเราเลย ………………… ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อญาติพี่น้อง ลุง ป้า น้า อา มิตรสหายเพื่อนร่วมโลกทุกคน สรรพสัตว์ทุกถ้วนหน้า ต้องให้มีอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่มีวัตถุอะไรให้ใครเลย ขอให้เป็นผู้มีศีล เอาความร่มเย็น บริสุทธิ์สะอาดจากใจนั้น แผ่ขยายออกไปให้เกิดความร่มเย็นแก่สรรพสัตว์ทุกถ้วนหน้า ………………..
เมื่อเรายังล่องลอยเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ทานะบารมีต้องทำให้มาก เมื่อยังมีพระสงฆ์ พระพุทธศาสนายังเจริญอยู่ อย่าลืมทำบุญใส่บาตร ถวายจีวรเครื่องนุ่งห่ม ช่วยบริจาคจตุปัจจัยสร้างที่อยู่อาศัย ถวายยารักษาโรค ทำอยู่เรื่อยๆเป็นประจำสม่ำเสมอ ผลที่จะได้รับก็คือ พรสี่ประการ อายุยืนยาวนาน ผิวพรรณผ่องใส สุขกายสบายใจ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าจะขอออกตัวว่ารวยแล้วค่อยทำบุญ ไม่ไปวัดก็สบายดีอยู่แล้ว ก็เป็นห่วงว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลงจะยึดครองเป็นเจ้าของจิต เมื่อถึงเวลานั้นความสุขกายสบายใจที่เราปรารถนายิ่งนัก จะไม่โผล่หน้าเห็นอีกเลย ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่เคยเมตตาใคร มีแต่ ทาน ศีล ภาวนา เท่านั้นที่เมตตาคน ………………. สูงเกินไปเหนือกว่าทานก็คือ ธรรมจริยา ความเป็นผู้รักษาศีล บางคนก็ไม่ชอบฟังเรื่องนี้เลย เขามีความเห็นว่า หากว่าเราเป็นคนดี เคารพกฎหมายบ้านเมือง แค่นี้ก็พอแล้ว พระพุทธศาสนาศาสนาของเรา ท่านสอนให้มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนใจทั้งเขาทั้งเรา ท่านให้ถืออุเบกขาเป็นหลัก วางจิตให้เป็นกลางในที่ทุกสถาน บาปใครบุญมัน วัวใครเข้าคอกมันก็เท่านั้น สำหรับผู้ที่มีศรัทธาเป็นพื้นฐานของใจ ก็อย่าเอากายกับปากนี้ไปทำบาปเป็นอันขาด อย่าฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม ห้ามพูดเท็จ พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด เพ้อเจ้อ เหลวไหล ไม่ดื่มสุราเมรัย เมื่อบาปทางกายทางวาจาลดลงไปเรื่อยๆ ความดีทางกายทางวาจา ทางใจ ก็มีโอกาสได้เจริญเติบโตตามลำดับเช่นเดียวกัน ………………… ต่อแต่นี้ขอให้หาโอกาสและเวลาทำกายใจให้ได้พักผ่อนด้วยการไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิเป็นประจำทุกวัน จิตที่เคยเดือดร้อนวุ่นวายจะเข้าสู่ความบริสุทธิ์ สะอาด ผ่องใส ต่อแต่นั้นความสุขกายสบายใจจะมีขึ้นเหมือนเงาตามตัว ขออำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงคุ้มครองปกป้องรักษาท่านทั้งหลายขอให้ท่านทั้งหลายจงมีแต่ความสุขความเจริญตลอดกาลนานเถิด
คติธรรมปีใหม่ พ.ศ. 2566 พระเทพสีลาภรณ์ วัดป่าพุทธรังษี นครซิดนีย์
ไตรภพ ซิดนีย์