หากพูดถึง “ภาวะสมองเสื่อม” หลายๆ คนคงจะคิดว่าเมื่อแก่ตัวลง ทุกคนก็ต้องพบเจออย่างแน่นอน แต่เคยทาบบ้างหรือไม่ว่า.. หากเราไม่อยากเดินทางไปถึงจุดนั้น ที่สายเดินแก้ไขแล้ว เราสามารถชะลอได้ก่อนเกิด
โดยสัปดาห์นี้ Healthy Clean ขอพาไปพูดคุยกับ พญ.ชนิษฐา เทภาสิต อายุรแพทย์เฉพาะทางประสาทวิทยา ศูนย์หลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า หากมีพฤติกรรม บุคลิกภาพ อารมณ์ การเคลื่อนไหว และการตัดสินใจ การสื่อสาร ที่เปลี่ยนไปจากเดิม อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เป็นอาการของภาวะสมองเสื่อม ซึ่งจะส่งผลทำให้การทำงานของสมองแย่ลงและกระทบต่อชีวิตประจำวัน และภาวะนี้มักพบในผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่
สำหรับสาเหตุของภาวะสมองเสื่อม แบ่งหลักๆ เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่ม 1 สมองเสื่อมจากสาเหตุที่แก้ไขได้ ซึ่งกลุ่มนี้หากตรวจพบเร็ว และแก้ไขอย่างทันท่วงที จะช่วยรักษา ป้องกันภาวะสมองเสื่อมที่จะตามมา
-การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามิน 1 หรือ บี 12 และโฟลิก (Folic acid)
-การติดเชื้อในสมอง หากมีการติดเชื้อในสมอง อาจก่อให้เกิดการอักเสบและทำให้เซลล์สมองบางส่วนตายไป
-เนื้องอกในสมอง โดยเฉพาะเนื้องอกที่เกิดบริเวณด้านหน้าของสมอง
-โพรงน้ำในสมองขยายตัวขึ้นจากน้ำเลี้ยงสมองคั่งจนเกิดการกดทับและทำลายเนื้อสมองได้
-ยาหรือสารพิษต่างๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของสมอง
กลุ่ม 2 สมองเสื่อมจากตัวความเสื่อมของสมองโดยตรง หรือ โรคอัลไซเมอร์ โดยเกิดจากสมองที่เสื่อม ฝ่อล้า ทำให้ความจำ ความคิดถดถอย
โดยการป้องกันภาวะสมองเสื่อม บางสาเหตุยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด อาจชะลอความเสื่อมด้วยการออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนสูง การรักษาน้ำหนักตัวให้มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติ การฝึกสมอง
ที่สำคัญคือการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อการหาสาเหตุตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับการวางแผนการรักษาอย่างทันท่วงทีอีกด้วยค่ะ..
………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”