เริ่มนับถอยหลังเข้าใกล้เทศกาลปีใหม่เข้าไปทุกขณะ ท่ามกลางการนับถอยหลังวาระทางการเมืองของรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน กับบรรยากาศความไม่แน่นอนทางการเมืองที่สะท้อนให้เห็นมากยิ่งขึ้น   ในวันนี้ “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงถือโอกาสสนทนากับ ชินแส ดร. ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดังของเมืองไทย ถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 ตามหลักโหราศาสตร์จีน

โดย “ซินแสภาณุวัฒน์”เริ่มเปิดประเด็นว่า ดวงบ้านเมืองของประเทศไทย ในปี 2566 นับตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2566 เป็นต้นไป จะเป็นการเริ่มต้นปีเถะ(กระต่าย) ตามนักษัตรจีน ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนจาก “ปีเสือ” ก้าวเข้าสู่ “ปีกระต่าย” ซึ่งเป็นปีแห่งความใจดี ใจอ่อน ไม่เหมือนปีเสือดุในปีที่ผ่านมา ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ “ปีกระต่าย” ซึ่งเป็นปีแห่งความใจดี ปีแห่งการสมานฉันท์ ปีแห่งการโอนอ่อนผ่อนตาม ก็จะเห็นได้ว่าสถานการณ์โลกในปี 2565 ที่อยู่ระหว่างการรบพุ่งใส่กันก็เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ทุกอย่างก็จะค่อยๆคลี่คลาย ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็จะค่อยๆดีขึ้น

ส่วนสถานการณ์ของเมืองไทย มีดวงเมืองเป็น “ปีเสือ ธาตุน้ำ” เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ดังนั้นในปี 2566 การเงินก็จะเริ่มเคลื่อนตัวดีขึ้น เศรษฐกิจหลายๆอย่างจะดีขึ้น หลายๆอย่างจะเริ่มเคลื่อนตัวดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มเคลื่อนตัวดีขึ้น

ดวงเมืองของไทยที่มีการตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2325 เวลา 06.00 น. ถือเป็น ปีเสือ ธาตุน้ำ เดือนมังกร ยามกระต่าย ซึ่งจะต้องมีทหารออกมาดูแลบ้านเมือง โดยมีสถาบันกษัตริย์ที่ต้องปกครองบ้านเมือง และเป็นเมืองแห่งการเงินการพาณิชย์ เป็นเมืองยิ้มสยาม เมืองของคนใจอ่อนใจดี ซึ่งเป็นดวงเมืองที่ตั้งไว้ตั้งแต่ปี 2325

ทั้งนี้ผมเคยทำนายไว้เมื่อปี 2562 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องอยู่อีก 2 สมัย โดยไม่นับรวมกับที่ทำการปฏิวัติ ดังนั้นตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องดูแลบ้านเมืองต่อ ส่วนเกมการเมืองจะเล่นเกมอย่างไรก็แล้วแต่ไม่รู้ เวลาจะเลือกตั้งก็มีการโหมโรงกัน คนนู้นคนนี้คนนั้นบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องมารวมกัน และสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องดูแลบ้านเมืองไปอีกสักระยะหนึ่ง

แต่ทั้งนี้ก็ควรจะเลือกตั้งก่อนวันที่ 5 ก.พ. 2566 เพราะว่า ดวงเมืองเป็นปีเสือ และดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ และรองนายกฯทั้งหลาย ในปีนี้ยังถือเป็นดวงที่ดีอยู่ เป็นดวงที่ดวงสมพงษ์กันทั้ง 3 คน หรือที่เรียกว่า “3ป.”ยังเป็นดวงที่ดีอยู่ ดังนั้นก็อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ หากไม่ถอดใจแล้วหยุดตัวเอง ก็ต้องดูแลบ้านเมืองไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะจะต้องดูแลทั้งสถาบัน และดูแลบ้านเมืองให้เดินไปตามแนวทางที่ได้วางเอาไว้ ในเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะเห็นได้ว่า หลายๆอย่างเริ่มเห็นผล เพราะฉะนั้นในช่วง 2 ปีนี้ สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้จะเริ่มส่งผลให้ทุกคนมองเห็นในภาพที่ชัดเจนขึ้นดีขึ้น

@ หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นหลังวันที่ 5 ก.พ. 2566 สถานการณ์จะเป็นอย่างไร

เรื่องนี้เป็นจังหวะชีวิตของคน ซึ่งช่วงก่อนวันที่ 5 ก.พ. 2566 เป็นช่วงชีวิตที่ดีของ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงนี้ยังถือเป็นช่วงที่ดีมากๆ หากเลยจุดนั้นไป ก็คิดว่าจะมีศึกหนักหลายเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละช่วง จะมีอะไรเข้ามาบางอย่างที่เราไม่คาดคิด เพราะหลายเรื่องเป็นเกมการเมืองทั้งหมด

อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครมาดูแลบ้านเมืองไม่ให้มีปัญหาได้อย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ทำ เพราะต้องดูแลสถาบันทุกสถาบัน ทุกองค์กร และจะต้องต่อสู้กับแรงกดดันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ง่ายๆที่จะหาคนที่จะมาเป็นแกนนำ และอีกส่วนหนึ่ง คือ ความสุจริตของผู้นำ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีลับลมคมใน ไม่มีนอกไม่มีใน ดังนั้นการจะหาคนที่ซื่อสัตย์มาดูแลประเทศเหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ ณ เวลานี้นับว่าหายาก เพียงแต่ว่าบางอย่างนายกฯถูกโจมตี จากปัญหา ส.ส.ไม่ดี หรือรัฐมนตรีไม่ดี ซึ่งจะด่านายกฯคนเดียวไม่ได้ เพราะอยู่ที่ประชาชนเป็นคนเลือกมา

“เรื่องการเมืองตอนนี้อาจจะมีการตีฆ้องตีแฉ มีการโจมตีกันไปมา มีการใส่สีตีไข่ ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของนักการเมือง เพราะทุกคนพยายามเข้าสู่ฐานอำนาจ… แต่เชื่อมั่นว่าท่านนายกฯประยุทธ์ จะต้องดูแลบ้านเมืองต่อ เพราะโหงวเฮ้งทางท่านสวย รวมทั้งท่านประวิตรท่านอนุพงษ์ก็ดี”

@ในปี 2566 ความสัมพันธ์หรือดวงชะตาของ “3ป.” ยังเกื้อหนุนกันหรือไม่ หรือมีเหตุให้ผิดใจกัน

3 ป.คงไม่มาผิดใจกับเรื่องบางเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง มันเป็นเรื่องของการเมือง ทั้งเรื่องการย้ายของ ส.ส. หรือเรื่องอะไรต่างๆนั้น เป็นเรื่องการทำงาน ซึ่งพวกท่านคงไม่มาขัดแย้งกันเรื่องพวกนี้ เพราะรู้ว่าถ้าขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ก็พังทั้ง 3 คน

ส่วนเรื่องการเมืองจะเห็นว่าแต่ละพรรคการเมือง คนที่ไม่ชอบลุงตู่ก็ไปเลือกลุงป้อม หรือบางคนก็ไปเลือกลุงตู่ หรือบางคนไม่ชอบทักษิณ ชินวัตร ก็เลือกคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือเลือก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่เขาก็อยู่ในกลุ่มเดียวกันในบางเรื่องที่สามารถมารวมตัวกันได้ ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนการแตกแบงค์ออกไป ทุกพรรคก็มีการแจกแบงค์ออกไป แล้วมีการตีเกมออกให้เห็นว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน แต่สุดท้ายจริงๆ ก็คือพวกเดียวกัน

@ ปีหน้าจะมีเหตุการณ์อะไรให้คนไทยต้องกังวลหรือไม่ ทั้งในมิติของการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

เรื่องโรคภัยไข้เจ็บก็ยังอยู่ ยังไม่หาย แต่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่จะต้องดูแลกันไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็จะเห็นได้ว่าเริ่มอ่อนตัวลง กระจายแบบง่ายๆและหายแบบง่ายๆ ไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลมาก ส่วนเรื่องภัยพิบัติทางน้ำ เพราะเป็นปีกระต่ายธาตุน้ำ ซึ่งจะเป็นไปตามฤดูกาล ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ก็เป็นธรรมชาติเหมือนทุกปี คิดว่าการตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติขึ้นมาดูแลเรื่องนี้อยู่ จึงเชื่อว่าต่อไประบบน้ำของไทยจะดีขึ้น เมื่อมีการจัดระบบเข้าที่เข้าทางแล้วปัญหาก็จะลดลง

“ที่ผมเป็นห่วงคือในปี 2568-69 ซึ่งกลัวว่าบ้านเมืองจะมีเรื่องปั่นป่วนหนัก ซึ่งในตอนนั้นจะมีทั้งเรื่องภัยพิบัติ เรื่องเกมการเมือง เรื่องสงครามรบพุ่ง เสียเลือดเสียเนื้อ จะเกิดขึ้นเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา แต่ในปีหน้านี้คิดว่าหลายๆ อย่างน่าจะดีขึ้น”

อย่างไรก็ตามสำหรับการสนทนากับ “ซินแสภาณุวัฒน์” ในครั้งนี้ได้มุ่งประเด็นไปที่สถานการณ์การเมือง ในปี 2566 เพียงมิติเดียว แต่หากผู้อ่านสนใจในมิติอื่นๆ สามารถติดตามได้ในหนังสือ“ไขรหัสชีวิต ประจำปี พ.ศ. 2566-2567” ที่จะออกมาให้อ่านกันในเร็วๆ นี้.