ชีวิตสุดแร้นแค้นของสองป้า-หลาน ที่ไม่เคยทิ้งกัน เด็กชายถูกพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่เล็ก มีเพียงป้าที่อุ้มชูเลี้ยงดู ให้มีชีวิตเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา ถึงวันที่ป้าเหนื่อยหนัก โรครุมเร้า ป่วยเบาหวานจนต้องตัดขาเป็นคนพิการ แถมดวงตาทั้งสองข้างใกล้จะมืดบอดเต็มที แต่หลานคนนี้ ยืนยันจะไม่มีวันทิ้งป้าไปไหน ขอดูแลทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 5 ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว ซึ่งเป็นโรงนาเก่าทรุดโทรม มีป้ากับหลานฐานะยากจน อยู่กันอย่างยากลำบาก นางสาวอรพร โชติช่วง อายุ 52 ปี ผู้เป็นป้า ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ถึงขั้นต้องตัดขาซ้ายทิ้งและตาบอด กลายเป็นคนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองก็แสนลำบาก เพราะน้ำหนักตัวที่มากเกินไป
ขณะที่ เด็กชายประภัทร์ ตันเจริญ หลานชายวัย 14 ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนหนองปลาหมอพิทยาคม ต้องรับหน้าที่ดูแลป้าซึ่งพิการ และทำหน้าที่เรียนหนังสือไปด้วย ความกตัญญูที่มีต่อป้า หลานชายคนนี้ไปเคยปริปากบ่น หรือหนีออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ เอาเวลาทั้งหมดที่มี ตั้งใจเรียนและดูแลป้าไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
“อรพร” เล่าว่า ตนเป็นสาวโสด ไม่มีครอบครัว เมื่อก่อนทำงานรับจ้าง และขายของตามตลาดนัด สิบกว่าปีก่อน น้องชายมีภรรยาและมีลูก 1 คน คือ ประภัทร์ แต่พอเลิกรากัน ทั้งคู่ก็เอาลูกมาทิ้งไว้กับตนตั้งแต่ 3 ขวบ ตนเห็นหลานตาดำๆ ก็อดสงสารไม่ได้ จึงเลี้ยงเหมือนลูก และส่งเสียให้ได้เรียนมาตลอด โดยที่พ่อแม่ของหลานไม่เคยมาเหลียวแลเลยสักนิด
พอตนอายุมากขึ้น ก็ตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวาน ด้วยความที่ต้องดิ้นรนทำมาหากินเพราะฐานะยากจน ทำให้ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง เบาหวานขึ้นตา ทำให้ตาขวาบอด ส่วนตาซ้ายก็พร่ามัวใกล้บอด ต่อมาพลาดเดินไปเหยียบตะปูจนเป็นแผลลุกลาม แพทย์จึงจำเป็นต้องตัดขาซ้ายทิ้ง ตอนนี้อยู่อย่างลำบากมาก ไม่มีรายได้
ทุกวันนี้อาศัยเงินจากเบื้ยคนพิการมาใช้ประทังชีวิตป้าหลาน ซึ่งก็ไม่เพียงพอ โชคดีที่เพื่อนบ้านมีน้ำใจหยิบยื่นความช่วยเหลือแบ่งปันข้าวปลาอาหารมาให้บ้าง ส่วนที่อยู่ปัจจุบัน ก็เป็นบ้านและที่ดินของผู้ใจบุญที่ให้อยู่อาศัยฟรี ซึ่งไม่รู้วันใดเขาจะให้ไปจากบ้านหลังนี้ ถ้าถึงเวลานั้นก็คงเดือดร้อนหนัก
“เป็นห่วงก็แต่หลานชาย เขาเป็นเด็กกตัญญูมาก เขาดูแลและทำให้ป้าทุกอย่าง โดยกิจวัตรประจำวันของหลานชาย เขาจะอาบน้ำเช็ดตัวให้ป้า หุงหาอาหารไว้ให้ ทุกๆ เช้าก่อนไปโรงเรียน ก็จะเตรียมน้ำสำหรับดื่ม กระป๋องสำหรับอุจจาระและปัสสาวะไว้ใกล้ตัว เมื่อกลับจากโรงเรียน ก็มาทำความสะอาดโดยไม่รังเกียจ”
ขณะที่ “ประภัทร์” ซึ่งเพิ่งกลับจากโรงเรียนแล้วรีบมาดูแลป้าทันที โดยไม่มีทีท่าเหน็ดเหนื่อยจากการที่ต้องเดินเท้าไปเรียนระยะทางไกลถึง 4 กิโลเมตร และเดินกลับอีก 4 กิโลเมตร เนื่องจากจักรยานที่มีอยู่ เก่าผุพังจนไม่มีเงินซ่อม และไม่มีค่ารถในการเดินทาง ยังดีที่ทางโรงเรียนช่วยเหลือสนับสนุนค่าอาหารกลางวัน ให้ได้กินอิ่มเหมือนเด็กคนอื่นๆ
“ประภัทร์” กล่าวว่า ป้าอรพร แม้จะไม่ใช่แม่ แต่ก็เหมือนแม่ เลี้ยงตนมาตั้งแต่เล็กหลังพ่อแม่ทิ้งไป คอยอบรมสั่งสอน ให้การศึกษาดูแลมาตลอด ที่ตนทำให้ป้า ยังไม่เท่ากับความลำบากที่ป้าสู้เลี้ยงดูมา อะไรที่จะทำให้ป้าได้ ตนพร้อมจะทำทุกอย่าง จะดูแลป้าจนสุดความสามารถ
ด้าน “อรพร” กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้ ตนกับหลานอยู่กันตามยถากรรม อดบ้างอิ่มบ้าง หากมีหน่วยงานหรือผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือก็จะดีใจมาก ตนสงสารหลานชาย เขาเป็นเด็กอาภัพ ตนเคยหวังจะเลี้ยงเขาให้ดี แต่ชีวิตกลับมาพลิกผันเจ็บป่วยพิการ แต่ถึงอย่างไร ตนก็สอนหลานเสมอว่า ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ อะไรที่เกิดขึ้นก็ต้องยอมรับในโชคชะตา และสู้ให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ หากผู้ใจบุญท่านใดต้องการจะให้ความช่วยเหลือนางสาวอรพร โชติช่วง และเด็กชายประภัทร์ ตันเจริญ หรือสนับสนุนทุนการศึกษาเด็กชายยอดกตัญญู สามารถติดต่อสอบถาม นางสาวอรพร โชติช่วง ผู้เป็นป้าได้โดยตรงที่ โทร. 09-6924-2791
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : พลพัฒน์ ลิ้มคุณธรรมโม จ.ราชบุรี
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่…