ฟุตบอลโลกครั้งนี้ เรื่องราวนอกสนาม ว่ากันว่าถูกพูดถึงมากแล้ว แต่ถึงตอนนี้ การแข่งขันผ่านพ้นรอบ 8 ทีมสุดท้ายเรื่องราวในสนาม กลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์​“ ไม่แพ้กัน 

ที่แน่ ๆ คือถึงตรงนี้ ยักษ์และตัวเต็งทั้งหลาย หงายท้องตกรอบ เก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนกำหนดไปหลายทีมแล้ว 

หลายเกมในรอบแรก มาจนถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลายคู่ถูกพูดถึงว่าผลการแข่งขันมันพลิกความคาดหมาย แต่สำหรับ 4 เกมของรอบ 8 ทีมสุดท้าย มันคือความคลั่งของเกมฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 

ไล่มาตั้งแต่ “เต็ง 1” บราซิล ที่พลิกล็อกโดน โครเอเชีย น็อกด้วยจุดโทษ ชนิดน้ำตาแซมบ้าท่วมทะเลทราย ขณะที่เกมอาร์เจนตินา กับ เนเธอร์แลนด์ ก็เดือดทะลุองศาฯ อย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่ 2 เกมเมื่อวันเสาร์ก็ไม่แพ้กัน การที่ “สิงโตแห่งเทือกเขาแอตลาส” โมร็อกโก ช็อกโลกเชือด “ฝอยทอง” โปรตุเกส 1-0 คือเกมที่เต็มไปด้วยเรื่องราว 

คริสเตียโน โรนัลโด ออกสตาร์ตเป็นตัวสำรอง แต่สร้างสถิติเป็นนักเตะที่ติดทีมชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง กระนั้น เส้นทางในฟุตบอลโลกของเขาจบลงด้วยน้ำตา “ซีอาร์ 7” ไม่มีโอกาสคว้าแชมป์โลกอีกแล้ว 

ขณะที่อีกเกมระหว่าง ฝรั่งเศส กับ อังกฤษ คือ “บิ๊กแมตช์” ระดับ 5 ดาว และคุณภาพของเกมที่ออกมาก็ไม่สร้างความผิดหวัง ทั้ง 2 ทีมผลัดกันเปิดเกมบุก ครึ่งหลังแม้ “สิงโตคำราม” จะดูดีกว่าเล็กน้อย แต่โอกาสโป้งเดียวของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ทำให้ “ตราไก่” ทะลุเข้าไปเจอ โมร็อกโก ในรอบตัดเชือกได้สำเร็จ 

สำหรับ “สิงโตคำราม” นี่คือความผิดหวังครั้งใหญ่ เพราะรูปเกมพวกเขาไม่เป็นรอง โดยเฉพาะ แฮร์รี เคน ที่ตะบันลูกโทษข้ามคานชวดโอกาสตีเสมอ ผมเชื่อว่าเขาสามารถเชิดหน้าด้วยความภูมิใจได้ เพราะนอกจากจุดโทษลูกนั้นแล้ว ที่เหลือเขาทำดีมาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ 

อย่างไรก็ตาม พระเอกของวันคงหนีไม่พ้น โมร็อกโก เพราะนี่คือวันประวัติศาสตร์ เมื่อพวกเขาคือทีมจากทวีปแอฟริกาทีมแรกที่เข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก ไม่แปลกใจที่ภาพกองเชียร์ของพวกเขาจากหน้าจอถ่ายทอดสด จะดีใจกันเหมือนได้ขึ้นสวรรค์

ไม่เพียงแค่ในสนาม แม้กระทั่งในย่านดาวน์ทาวน์ใจกลางกรุงโดฮา ในเวลาตี 2 (ผมกำลังเดินทางกลับที่พัก)​ กองเชียร์โมร็อกโก ยังรวมตัวบีบแตร โห่ร้องฉลองชัยชนะกันไม่เลิก

เกมหน้าเป็นยังไงไม่รู้ แต่สำหรับพวกเขา นี่คือความสำเร็จครั้งใหญ่ ไม่ฉลองตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปฉลองตอนไหนแล้ว…

ผยองเดช