ที่น่าสนใจคือรูปแบบล่าสุดที่เพิ่งถูกจับกุมได้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มิจฉาชีพไทย หลอกเหยื่อไทย ตั้งฐานหลอกลวงอยู่ในไทย ซ้ำร้ายคือแก๊งนี้ตั้งใจปั้นคอลเซ็นเตอร์ตัวเองเป็น“Startup” เจ้าแรกในประเทศ  มีเป้าหมายขยายกิจการ!!!

ท่ามกลางเหยื่อที่ถูกหลอกลวงรายวัน การปราบปรามบัญชีม้า การทลายฐานที่ตั้งคอลเซ็นเตอร์และแรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน แต่คำถามคือเหตุใดแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกจากไม่สูญพันธุ์ ยังกลายพันธุ์ไปเรื่อย ไร้วี่แววหยุดยั้งได้สิ้นซาก

หนึ่งในคำตอบน่าจะอยู่ที่“เม็ดเงิน”ซึ่งมีมูลค่าสูง เมื่อเทียบกับการลงทุน ลงแรง

ยิ่งปัจจุบันการทำธุรกรรมการเงินง่ายเพียง “กดนิ้ว” ผ่านโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง ประกอบกับเทคโนโลยีที่เลือกมาใช้เป็นดาบสองคม ยิ่งเสริมให้บางคน“ปีกกล้าขาแข็ง”ได้อย่างที่เห็น

ถอดรหัส Startupคอลเซ็นเตอร์

-ห้องพัก 1 ห้อง

-ทีมงาน 4 คน

-คอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง

-โทรศัพท์ 9 เครื่อง

-สมุดบัญชี 5 เล่ม

-ซิมการ์ด 38 ซิม

พื้นเพสมาชิก มีอดีตผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เคยทำงานอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ระดับ “หัวกระทิ” มีความช่ำชองแผนหลอก เคยทำยอดเงินสูงถึงเดือนละ 100 ล้านบาท ได้ค่าตอบแทนจากนายทุน หรือบอสชาวจีน 3 เปอร์เซ็นต์ ของยอดที่ทำได้   

ตีปีก หลังเก็บเกี่ยวความรู้เข้าขั้นระดับอาจารย์ ทำงานเพียงลำพังได้ในเวลาเดียวกัน มีรูปแบบสคริปต์หลอกในมือ ทำไปนานเข้ายิ่งรู้วิธีหลอกที่สมบูรณ์แบบจึงนำรูปแบบนั้นติดตัวเดินทางกลับไทย หวังปั้นเป็นธุรกิจ รับเงินจากการหลอก“เต็มเม็ดเต็มหน่วย” ในขบวนการ 4 คน แบ่งกัน 30:30:20:20

ลอกแผนมืออาชีพ เลือกใช้รูปแบบคอลเซ็นเติร์ที่มีแฝงโรแมนสแกรม เริ่มจากสร้างบัญชีเฟสบุค(Facebook)อวตารโดยใช้รูปสาวสวยเป็นจุดดึงดูด ทำทีพูดคุยเชิงชู้สาว ก่อนชักชวนร่วมลงทุนและทำภารกิจ อ้างชื่อบริษัท“ทิพย์”ที่ไม่มีตัวตน ชื่อ E-SHIPING.SHOP

หากเหยื่อให้ความสนใจลงทุนจะดึงเข้ากลุ่มไลน์ E-SHIPING.SHOP ที่รายล้อมด้วยสมาชิกหน้าม้า ขณะที่มีเหยื่อเพียง 1 คนในกลุ่ม ขั้นตอนต่อมาคือแนะนำผู้เชี่ยวชาญการลงทุนที่“อุปโลกน์”ขึ้น หลอกให้ลงทุนกับแผนงานต่างๆ อาทิ การแต่งงาน การท่องเที่ยว

เมื่อเหยื่อสนใจและโอนเงิน จะแสดงโปรแกรมยอดรายได้ที่ทำขึ้นเองให้เหยื่อตายใจ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินคืนออกมาได้จริง

จากวิเคราะห์ข้อมูลของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พบรูปแบบการวางระบบและขั้นตอนหลอกลวงของแก๊งStartup คล้ายกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายแก๊งในประเทศเพื่อนบ้าน

ที่แตกต่างและน่ากังวลคือ ระบบเหล่านี้ถูก“มัดรวม” หรือรวบรัดระบบไว้ในห้องพักเพียงห้องเดียว กับอุปกรณ์จำนวนหนึ่ง และคนจัดการเพียง 4 คน ก็ตั้งเป็นฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้แล้ว 

โดยทำตั้งแต่ขั้นตอนหลังบ้าน / ห้องแชตไลน์ / การชักชวนเหยื่อ / การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานต่าง ๆ สะท้อนถึงประสบการณ์ทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ช่ำชองขั้นสุด จนมั่นใจว่าสามารถกลับมาทำเองได้ทุกขั้นตอนในไทย เริ่มทำมาแล้วนาน 2 เดือน

รังแตก แก๊งนี้ถูกตำรวจติดตามแกะรอยจากเบาะแสของเหยื่อที่ร้องเรียนผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ ก่อนวิเคราะห์ได้ว่ามี“คอลเซ็นเตอร์”กลุ่มใหม่เกิดขึ้น และสืบสวนไปจนพบคอลเซ็นเตอร์คนไทย หลอกลวงคนไทย ตั้งฐานในไทย ซึ่งไม่ได้มีมานานหลายปีแล้ว

ต้องยอมรับว่าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอีกงานหนัก เพราะมีเทคนิค-รูปแบบปรับเปลี่ยนตลอด อย่างกรณีล่าสุดคงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีแรงงาน“หัวหมอ”ผันเป็น“ตัวการ”มาตั้งฐานเหยียบจมูกกันถึงที่

จะรับมือคอลเซ็นเตอร์จากนี้ จึงต้องยิ่งก้าวให้ “เหนือ” กว่า.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

[email protected]