พ.อ.ถาน เค่อเฟย โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเยือนครั้งนี้ คือการให้บริการผู้ป่วยนอกและผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น โดยเรือลำดังกล่าวที่รัฐบาลจีนเรียกว่า “พีซ อาร์ค” จะให้บริการผู้ป่วยในบางประเภทกับชาวอินโดนีเซียในระหว่างที่อยู่ในประเทศ
การทูตนี้เริ่มขึ้นเมื่อเดือน มี.ค. 2563 เมื่อกระทรวงรัฐวิสาหกิจ และกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย เริ่มมองหาโอกาสในการร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศ เพื่อเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างพัฒนา โดยอินโดนีเซียสามารถดึงบริษัทเวชภัณฑ์ “ซิโนแวค ไบโอเทค” ของจีน ให้มาร่วมมือกับบริษัทภาครัฐ “พีที ไบโอฟาร์มา” ของอินโดนีเซียได้
นอกจากนี้ หากการระบาดยังมีอยู่ต่อไป ความสำคัญของจีนจะยิ่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิม รัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชาชนราว 181.5 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศประมาณ 270 ล้านคน แต่เนื่องจากความล่าช้าหลายประการในการส่งมอบวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด รัฐบาลจาการ์ตาจึงต้องมองหาวัคซีนจากที่อื่น ซึ่งจีนเป็นเพียงประเทศเดียวที่เต็มใจ และสามารถจัดหาวัคซีนตามจำนวนที่อินโดนีเซียต้องการได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความช่วยเหลือของจีนยังมาในรูปแบบอื่นด้วย เช่น หน้ากากอนามัย, ถุงมือ, อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล, ชุดทดสอบ และอื่น ๆ
แนวคิดริเริ่มนี้ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างความสัมพันธ์แบบพี่น้อง และความร่วมมืออื่น ๆ ระหว่างโรงพยาบาลและสถาบันต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศ ซึ่งต่อจากภาคการค้าและภาคเศรษฐกิจ ภาคสาธารณสุขค่อย ๆ กลายเป็นพื้นที่สำคัญของความสัมพันธ์จีน-อินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 อีกทั้งการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นมิตรของเรือพีซ อาร์ค ยังเป็นสัญญาณที่สามารถคาดการณ์ได้ว่า ความร่วมมือระหว่างสองประเทศยังคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น และดำเนินต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ดี การทูตเพื่อสาธารณสุขของจีน อาจต้องมีส่วนในความพยายามที่จะรักษาภาพลักษณ์ของตนเองในอินโดนีเซียด้วย เนื่องจากมันไม่ได้เป็นไปในเชิงบวกเมื่อช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ หลังผลการสำรวจเผยให้เห็นว่า ชาวอินโดนีเซียมากกว่าครึ่งเห็นด้วยกับ “การร่วมมือกับประเทศอื่นเพื่อจำกัดอิทธิพลของจีน” ขณะที่สัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งมองว่า จีนเป็นภัยคุกคาม อีกทั้งการระบาดใหญ่ในช่วงแรก ๆ คนอินโดนีเซียเชื่อว่า การแพร่กระจายของเชื้อไวรัส มีสาเหตุมาจากชาวจีนที่อยู่ในประเทศ
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากการจัดการเป็นไปได้ด้วยดี การขยายขอบเขตการทูตเพื่อสาธารณสุขให้กว้างขึ้น จะสามารถช่วยให้จีนแก้ไขภาพลักษณ์ของตนในกลุ่มชาวอินโดนีเซีย และมันจะช่วยรักษาผลประโยชน์ในส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ได้เช่นกัน.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : REUTERS