แถลงการณ์ Bangkok goals on BCG Economy หรือ โมเดล BCG ที่ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภาคภูมิใจว่า 21 เศรษฐกิจร่วมลงชื่อและพร้อมนำไปเป็นต้นแบบนโยบายเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนนั้น ดูยังไงก็สวยหรู เช่น ภาคเกษตรที่มุ่งไปทางเกษตรอินทรีย์เป็นฐานขับเคลื่อนการผลิต ลดใช้ปุ๋ยเคมี ลดขยะ ลดพลาสติก เพิ่มรีไซเคิล มุ่งรักษ์โลก ลดตัดต้นไม้ ปลูกป่าเพิ่ม ลดคาร์บอน ลดใช้น้ำมันฟอสซิล ใช้พลังงานแสงแดด ลม น้ำ มากขึ้น ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ที่ใช้แบตเตอรี่แทน เป็นโลกสีเขียวในฝัน กระทั่งลดการเอาเปรียบทางการค้าจากประเทศใหญ่ที่มีต่อประเทศเล็ก มุ่งการค้าที่ยั่งยืน เป็นต้น มีแต่เรื่องดี ๆ ใครจะบ้าไม่ลงนาม จะนานแค่ไหน อีกเรื่อง

แต่ช่างเป็น “โมเดล APEC” ที่สูญเปล่าสำหรับคนไทย เพราะที่สุด แถลงกาณ์ที่รอคอย ก็ไม่มีการพูดถึงมาตรการที่จะจัดการกับ มัจจุราช (ไม่เงียบ) ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กลายเป็นมลพิษประจำถิ่นของเจ้าภาพแม้แต่น้อยนิด (ถ้ามีช่วยส่งหลักฐานมาหน่อย พร้อมแก้ข่าวให้ทันที) ทั้งที่เป็นสาเหตุหลักที่คนไทยที่สูดดม “ฝุ่นมรณะ” นี้เข้าไปป่วยเป็น “มะเร็งปอด” เพิ่ม จนเป็นอันดับ 2 อาจารย์หมออายุ 28 ปีที่มีอนาคตไกล แต่ปอดหายไปข้างหนึ่งจนเป็นข่าวดังก่อนหน้านี้ คือตัวอย่างชัดเจนที่สุด

ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากมองว่าที่รัฐบาลไทยไม่กล้าหยิบยกปัญหาฝุ่นมรณะ PM2.5 ขึ้้นมาถกในวงประชุม APEC ก็เพราะอับอายกลัวถูกสวนกลับในฐานะเจ้าภาพ ชูโมเดล BCG แต่กลับล้มเหลวสิ้นเชิงในการบริหารจัดการวิกฤติมลพิษในบ้านตัวเอง ทั้งที่ PM 2.5 เกิดมาหลายปีดีดักแล้ว เสียดายเงิน 3,000-4,000 ล้านที่ใช้ไปในการจัดประชุมเที่ยวนี้จริง ๆ

มัจจุราช(ไม่)เงียบ | เดลินิวส์

แต่อีกด้านของเหรียญ ชาวโลกได้ดูภาพ “การปราบม็อบต้าน APEC” ที่ดุเดือดเลือดตกยางออกเพราะ รัฐบาล 3 ป. สั่งใช้ทั้ง กระบอง แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ประเคนใส่ผู้ชุมนุมแบบไม่ยั้งขณะนั่งกินข้าวว่า กูนี่แหละของจริง จำไว้ ๆ วันหลังอย่ามาที่นี่อีก เสียงตะโกนก้องของตำรวจควบคุมฝูงชนหรือ คฝ. ที่ยกโขยงมาโชว์พาวสกัดม็อบที่เคลื่อนออกจากลานคนเมือง กทม. ได้ไม่กี่ก้าว

ก่อนหน้านี้ม็อบต้าน APEC ที่แยกอโศกซึ่งใกล้ศูนย์ประชุมมากกว่าเยอะ มีแต่งมาสคอตเป็นไดโนเสาร์กับหมีพูห์แล้วถูกตำรวจสกัด มีการโต้เถียงผลักอกกันไปมา แต่ไม่มีเหตุรุนแรง แล้วทำไมที่ “สี่แยกดินสอ” ที่ไกลเป็นโยชน์ ถึงต้องใช้กระสุนยางยิง จน พายุ ดาวดิน มีโอกาสตาบอดข้างหนึ่งค่อนข้างแน่แล้ว ขณะช่างภาพรอยเตอร์โดนกระจกบาดที่ตา เดชะบุญไม่เป็นไรมาก พวกนักข่าวที่ไลฟ์สด ถูกรุมกระทืบ ผู้ชุมนุมถูกแก๊สน้ำตาและกระบองฟาดใส่ไม่ยั้ง ถูกจับเข้าคุกกว่า 25 คน

คฝ.ใช้กำลัง “เกินกว่าเหตุ” แน่นอน ภาพสื่อที่เสนอข่าวแทบไม่ต้องพิสูจน์ทราบอีก นักวิเคราะห์หลายคนบอกที่ คฝ.ลุยม็อบแหลก ก็เพราะผู้นำรัฐบาลโกรธที่ก่อนหน้ามีม็อบแต่ง “หมีพูห์” เหมือนล้อเลียน ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ซึ่งผู้นำไทยกำลังเอาใจชนิดเต็มคาราเบล เลยไฟเขียว คฝ.โชว์พาวเอาม็อบให้อยู่หมัด แล้วก็ไม่ผิดหวัง คฝ.ที่เคยปราบม็อบ 3 กีบ คุ้นกับการใช้กำลังปราบหนัก ทั้งแก๊สน้ำตา แก๊สพิษ รถฉีดน้ำแรงดันสูง กระสุนยาง มาตั้งแต่ 2 ปีก่อนและที่ดินแดง แต่ที่สำคัญคือ ครั้งนี้ไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุ้มตัว แต่พฤติกรรมยังเหมือนเดิม ย่ามใจ เคยมือ เลยเถิด

เตรียมตัวถูกฟ้องให้ดีก็แล้วกัน รวมทั้ง พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รอดมาได้ทุกเรื่อง ทุกครั้ง

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำ APEC ประยุทธ์-สีจิ้นผิง  นั่งพูดคุยใกล้ชิด

อ้อ แล้วที่พวกไดโนเสาร์พากันก่นด่า ผู้ว่าฯ กทม.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่า เอื้อม็อบขยะ ม็อบสถุล ทำลายศักดิ์ศรีหน้าตาประเทศชาติน่ะ อีตอนมีพวกปล้นอำนาจประชาชน ล้มล้างรัฐบาลเลือกตั้ง เขียนรธน.อัปยศสืบทอดอำนาจเผด็จการจนบัดนี้ คงไม่รู้สึกสินะว่า การทำแบบนั้นเสียศักดิ์ศรี แต่เห็นว่าพวกนี้สร้างเกียรติประวัติงดงาม กู้ชาติ กู้ศักดิ์ศรีประเทศให้ประจักษ์ในสายตาชาวโลกสินะ

มิน่า ไทยถึงจมปลักอยู่กับที่มาเกือบทศวรรษ คงรู้สึกดี นะจ๊ะ ใครไม่อาย เราอายแทน

——————–
ดาวประกายพรึก