บอลโลก ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ไม่ต้องดูก็ได้ แต่พอถึงช่วงเตะจริง เกมใหญ่ๆ เกมสำคัญๆ ชาวบ้านเขาได้ดูกันทั้งโลก แต่ไทยกลับไม่มีให้ดู (ฟรี) รับรองว่า ต้องมีคนโดนด่า ไม่ใครก็ใครสักคน

บอกตรงๆ ว่า ไม่อยากจะเชื่อว่า เราจะไม่ได้ดูบอลโลกรอบนี้ แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านจะบอกว่า ยังมีโอกาสได้ดู แต่เป็นรอบท้ายๆ ก็ตาม

สาเหตุที่เราไม่ได้ดูบอลโลกเป็นเพราะอะไร หลายคนไม่เข้าใจ แต่ถ้าค่อยๆ คิดตาม ดูเหตุ ดูผล คงเข้าใจได้ไม่ยาก

ก็ลองคิดดูกันเองว่า จะมีบริษัทไหนในโลก ที่บ้าไปซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก ด้วยเงินหลักพันล้าน แต่กลับต้องมาให้คนดูฟรี

ดูยังไงก็ไม่มีใครทำ ต่อให้หาสปอนเซอร์ได้ 10-20 เจ้า ก็ไม่รู้จะคุ้มไหม เอามาถ่ายแบบมีโฆษณาคั่น ก็โดนด่าอีก

จึงไม่แปลกที่จะไม่มีเอกชนรายไหนซื้อ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า ถ้าหากคนไทยจะได้ดู ทางเดียวคือต้องมีคนเข้ามาเป็นเจ้าภาพ

ตอนที่ “บิ๊กป้อม” ประกาศว่า คนไทยได้ดูบอลโลกแน่นอน เมื่อราว 2-3 สัปดาห์ก่อน เราก็เฮกันทั้งประเทศว่า คงได้ดูแน่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหน เพราะบารมีระดับ พล.อ.ประวิตร คงจัดการได้ไม่ยาก

แต่ทำไปทำมา เรื่องกลับยากกว่าที่คิด เพราะเวลากระชั้นชิด และเจรจาต่อรองค่าลิขสิทธิ์ไม่ลงตัว

ระหว่างนี้ ยังมีปัญหาปวดหัวอีกเยอะแยะ เช่น ผู้ที่ไปดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์อย่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไปติดต่อผ่านเอเย่นต์เจ้าไหน ส่วนต่างต้องจ่ายให้เอเย่นต์เท่าไหร่ ซื้อแพ็กเกจอื่นได้ไหม ไม่ต้องดูครบ 64 แมตช์ก็ได้ แต่ลดราคาลงมาหน่อย

เราไม่รู้เลยว่า การเจรจามีรายละเอียดอย่างไร ราคาเท่าไหร่ มีแพ็คเกจอื่นหรือไม่ หรือกระทั่งเจรจากับใคร

กกท. บอกคำเดียวว่า ค่าลิขสิทธิ์ 1,600 ล้าน ลดไม่ได้ ต่อไม่ได้ ฟีฟ่า ยืนยัน ไม่ซื้อก็ไม่ต้องซื้อ

เอาจริงๆ มันจึงไม่แปลกที่ กสทช. จะอนุมัติงบจากกองทุน กทปส. ไปซื้อให้แค่ 600 ล้าน เพราะพวกเขาไม่รู้รายละเอียดเลยว่า เงินจะถูกจ่ายตรงไหนบ้าง ลิขสิทธิ์เท่าไหร่ ค่าจัดการเท่าไหร่ ไม่รู้สักอย่าง

เหมือนลูกมาขอเงินก้อนโตจากพ่อแม่ ถ้าลูกบอกไม่ได้เลยว่าจะเอาไปทำอะไรบ้าง พ่อแม่ที่ไหนจะให้

อีกอย่างที่สำคัญคือ ถ้าให้ไปเต็มจำนวน กสทช. โดนเละกว่านี้แน่ เพราะแม้จะยืนยันว่า ไม่ผิดวัตถุประสงค์ของกองทุน แต่การเอาเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ไปซื้อบอลมาดูแค่เดือนเดียว ก็ไม่คุ้มอยู่ดี

ปัญหาจึงตกมาที่บ่าของ ผู้ว่าการ กกท. ก้องศักด ยอดมณี ที่กลายเป็นคนต้องรับผิดชอบหาอีก 1,000 ล้าน มาเติมให้ครบ

แถมจะเอาจาก กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ของ กกท. เอง ก็ไม่ได้ เพราะมีเรื่องต้องใช้ระบุไว้หมดแล้ว

ทางเดียวคือไปขอ “สปอนเซอร์” ซึ่งก็มีหลายกระแส บ้างว่า หลายบริษัทโอเคแล้ว ให้เท่านั้น ได้เท่านี้ เหลือเท่าไหร่ ขาดแค่ไหน มากมายไปหมด

แต่สุดท้าย สรุปว่า ถึงนาทีนี้ ที่เหลืออีกไม่ถึง 5 วัน บอลโลกคู่เปิดสนามจะเริ่มเขี่ยลูก ก็ยังได้เงินไม่พอไปจ่ายฟีฟ่า

ร่ายยาวมาทั้งหมด จะเห็นว่าเราคงโทษใครไม่ได้ ที่ไม่ได้ดูบอลโลก (มั้ง) ในครั้งนี้ เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่หวังดีอยากให้เราได้ดูทั้งสิ้น แต่มันทำไม่ได้จริงๆ

กสทช. ก็ไม่ผิด เพราะตอนออกกฎ “Must Have” เขาก็ทำเพื่อประชาชน อยากให้ทุกคนได้ดู ไม่อยากให้จอดำอย่างที่เคยเกิดปัญหา

เอกชน ก็ไม่ผิด เพราะเห็นๆ อยู่ว่าขาดทุนยับแน่ ใครจะไปซื้อมาถ่าย

กกท. ก็ไม่ผิด เพราะเป็นแค่คนที่มารับเผือกร้อน ต้องไปเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่

แถมยังโดนคนไม่เข้าใจด่าว่า ทำไมไม่รีบไปซื้อให้เร็วกว่านี้ จะได้ต่อรองราคาได้ ทั้งที่ความจริงคือ กกท. คือหน่วยงานของรัฐ จะเข้าไปขอซื้อก่อนเอกชนไม่ได้ ต้องรอให้แน่ใจก่อนว่า ไม่มีเอกชนซื้อแน่ ถึงจะเข้าไปติดต่อได้

ส่วน สมาคมบอลฯ ที่น่าจะมาเกี่ยวข้องบ้าง ช่วยติดต่ออะไรบ้าง ก็ลอยตัวเหนือปัญหาเหมือนทุกครั้ง เพราะลำพังแค่ปัญหาของตัวเองก็เยอะพอแล้ว

ถ้าอย่างนั้นจะโทษใคร?

คำตอบง่ายๆ ก็คือไม่ต้องโทษใคร โทษทำไม ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา โทษไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไม่ได้ดู

สู้เอาเวลา เอาความคิดไปช่วยกันดูดีกว่าว่าจะทำยังไงให้ครั้งต่อไปไม่เกิดปัญหาแบบนี้อีก

อีกอย่าง ต่อให้ไม่ได้ดู คนส่วนใหญ่เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้เดือดร้อน ไม่ดูก็ไม่ตาย

ใครไม่ได้ดูแล้วจะตาย ก็ไปหา “ช่องทางธรรมชาติ” ดูกันเอาเอง.