ตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า เรื่องราวของ “แก๊งมังกรจีน“ ทะลักไทย ค่อนข้างดุเดือดเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ หนำซ้ำบานปลาย จนโยงใยกลายเป็น “กลุ่มทุนจีนสีเทา” ที่แผ่อิทธิพลจากจีนแผ่นดินใหญ่ เข้ามาฝังตัวทำมาหากินในเมืองไทย

เรียกว่าน่าจะเป็นข่าวอาชญากรรมใหญ่ช่วงส่งท้ายปีเสือ 2565 ที่ต้องขออนุญาตเกาะติดมานำเสนอต่อเนื่อง ประเด็นการกระชากหน้ากาก เครือข่ายอาชญากรจากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่บินลัดฟ้าข้ามทะเลเข้ามาฝังตัวอยู่เมืองไทย!!

ที่สำคัญสัปดาห์นี้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ระหว่างวันที่ 16-19 .. 65 โดย นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้รับเชิญขึ้นกล่าวถ้อยแถลงวันที่ 17 พ.ย.

ไม่ใช่เรื่องแปลกเกือบ 2 สัปดาห์เต็ม ๆ จะเห็นภาพของ บิ๊กต่อพล...ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ควงคู่ บิ๊กโจ๊กพล...สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้ากวาดล้างเครือข่ายอาชญากรจีน ที่เข้ามาเล่นแร่แปรธาตุฟอกเงินจนทำให้เห็นภาพ แก๊งทุนจีนสีเทา ที่ขยายอาณาเขตปักหลักอยู่ทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ไปจนถึงจังหวัดท่องเที่ยว

แทบจะต้องจดบันทึกประวัติศาสตร์ คดีอาชญากรรมเรื่องนี้เอาไว้ว่า “2565 กระชากหน้ากากแก๊งทุนจีนสีเทา” เพราะมีหลากหลายบริบทจริง ๆ ที่แตกแขนงออกไปจากคดีแก๊งทุนจีนสีเทา โดยเฉพาะประเด็น ทรัพย์สินมหาศาล ที่ถูกนำไปฟอกผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้ง คฤหาสน์ระดับราคากว่า 100 ล้านบาท ตกแต่งอลังการใหญ่โต, ซื้อบ้านพักรีสอร์ทหรูหรา พร้อมกันหลายหลังในหมู่บ้านดัง ๆ หรือจะซื้อห้องพักคอนโดมิเนียมทั้งใจกลางกรุง บรรยากาศติดริมน้ำเจ้าพระยา ชนิดยกชั้นก็มี พาหนะราคาแพงแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรถซูเปอร์คาร์ มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ฯลฯ

ทรัพย์สินมากมายก่ายกองที่ถูกตรวจสอบขณะนี้ เจ้าหน้าที่ต้องทำคดีอย่างละเอียดรัดกุม แกะรอยหลักฐานมีคนไทยใครบ้างเข้าไปเกี่ยวข้องเป็น “นอมินี” ถือครองแทนกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งก็ช่างมาประจวบเหมาะพอดิบพอดี ก่อนหน้านี้ รัฐบาลประยุทธ์ ออกมาโยนหินถามทาง จะมีนโยบายให้ต่างชาติมาถือครองที่ดินได้ง่ายกว่าเดิม จนถูกหลาย ๆ ฝ่ายทั้งภาคประชาชน ฝ่ายการเมือง และภาคธุรกิจออกมาถล่มโจมตีว่าเป็น นโยบายขายชาติขายแผ่นดิน

ยังดีที่รัฐบาลรับฟังกระแสสังคม จนทำให้สัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งขอถอนร่างกฎกระทรวงฯ ให้คนต่างชาติซื้อที่ดิน 1 ไร่ แลกลงทุน 40 ล้านบาท นาน 3 ปี ออกจากที่ประชุม ครม. เพื่อนำเรื่องกลับไปพิจารณาศึกษาทบทวนใหม่ ยอมรับว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องไปดูถึงผลดีผลเสียมีผลต่อด้านเศรษฐกิจและสังคม

อีกมุมที่เกี่ยวโยงกับการกระทำผิดของแก๊งทุนจีนสีเทา ต้องยอมรับข้อมูลของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมืองที่กล้าออกมาแฉ เหมือนช่วยไขกุญแจ เปิดโลกมังกรจีนสีเทา ตีแผ่ให้สังคมไทยรับรู้ ชนิดดุเดือดยิ่งกว่าอภิปรายในสภาถือว่า ได้กระตุ้นตำรวจให้เร่งกวาดล้างจับกุมเครือข่ายแก๊งอาชญากรข้ามชาติแบบจริงจัง ไม่ใช่ปล่อยเป็นไฟไหม้ฟาง

แต่เมื่อสังคมได้เห็นปัญหาแก๊งอาชญากรข้ามชาติในยุคปัจจุบัน ก็มีเสียงสะท้อนตามมา เกิดอะไรขึ้น ทำไม? แก๊งมังกรจีน ถึงได้เข้าลงหลักปักฐาน ทำมาหากินอยู่เมืองไทยได้ง่ายดาย ทั้งบ่อนพนันเกือบทุกรูปแบบ, ผับ บาร์, ยาเสพติด, คอลเซ็นเตอร์, เงินกู้ออนไลน์ ฯลฯ เม็ดเงินมหาศาลยังฟอกผ่านการทำธุรกิจแอบแฝงมากมาย กว่า ตำรวจไทย จะไหวตัว บรรดา “หัวโจกใหญ่แก๊งมังกรจีน” ที่เคยสนิทชิดใกล้ทั้ง นักการเมืองบิ๊กข้าราชการ ต่างหอบเงินเผ่นหนีออกไปกันหมด

ถ้าเดินหน้าลุยปราบปราม ขุดรากถอนโคน “เครือข่ายทุนจีนสีเทา” เสร็จเรียบแล้ว รัฐบาล-ตำรวจ-หน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหลาย อย่าลืมไปช่วยกันหาคำตอบให้ได้ด้วยว่า “ใครบ้าง”? ปล่อยปละปัญหาอาชญากรต่างด้าวในไทย จนบานปลายมาได้ขนาดนี้!!

——————————-
เชิงผา