ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีคนหนึ่ง และแม้เป็นประชาชนที่ชอบดูฟุตบอล แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้เงินรัฐบาลซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 จำนวน 600 ล้านบาท และต้องหาสปอนเซอร์จากเอกชนอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายลิขสิทธิเบ็ดเสร็จ 1,600 ล้านบาท ทำไมไม่เห็นด้วย?
เหตุผลแรกคือ 600 ล้านบาทอาจเป็นสัดส่วนไม่มากเมื่อเทียบกับงบประมาณส่วนอื่น แต่ต้องไม่ลืมเช่นกันว่าเงินก้อนเดียวกันนี้สามารถทำประโยชน์ได้อีกมาก เช่น ซื้อเครื่องมือแพทย์ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ช่วยการศึกษาหรือแม้แต่ซื้ออุปกรณ์กีฬาแจกให้โรงเรียนชนบท ดังนั้นมันคุ้มหรือไม่กับการนำเงินส่วนนี้มาจ่ายเพื่อช่วงเวลา 1 เดือนของฟุตบอลโลก แล้วก็จบไป ไม่ได้ต่อยอดสร้างประโยชน์ใดๆ
เหตุผลที่สอง ผมลองคิดดูว่าถ้า 600 ล้านบาทเป็นเงินของผมเอง ผมจะยอมควักกระเป๋าจ่ายหรือไม่ คำตอบคือไม่ เพราะย้อนกลับไปดูเรตติ้งของฟุตบอลโลก 2018 ขนาดรอบรองชนะเลิศที่โครเอเชียชนะอังกฤษ 2-1 เรตติ้งยังแค่ 0.642 ถามว่ามากแค่ไหน ก็ต้องบอกว่าน้อยมาก โดยเรตติ้งเลขกลมๆ 1 = 500,000-600,000 คน ดังนั้น 0.642 หมายถึงคนดูแค่ราว 3 แสนคนเท่านั้น จากประชากร 60 กว่าล้านคน มองแค่นี้ก็ไม่คุ้มแล้ว
เรตติ้งสูงสุดของปีนั้น 4.484 เป็นเกมที่บราซิลชนะคอสตาริกา 2-0 เหตุผลสำคัญคือเป็นเกมที่เตะราว 1 ทุ่มตามเวลาไทย ดังนั้นมองด้วยปัจจัยนี้จึงพิจารณาได้ว่า คนดูฟุตบอลโลกจะมากหรือน้อย สิ่งสำคัญที่สุดคือเวลาการแข่งขันต้องเหมาะสม ไม่ดึกเกินไป ส่วนบอลโลกปีนี้ 2 นัดแรกขอรอบแบ่งกลุ่มมีเกมเตะเวลา 17.00 น. 20.00 น. จึงน่าจะมีตัวเลขผู้ชมน่าพอใจ แต่ตั้งแต่รอบ 16 ทีมจะมีแค่ 2 ช่วง 22.00 น. และ 02.00 น. ถามว่าจะมีกี่คนที่ตื่นมาดูถ้าไม่ใช่แฟนประจำ
เหตุผลข้อสุดท้ายพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ในอดีตฟุตบอลโลกเป็นที่สนใจมาก ไม่ใช่แค่เพราะนานที 4 ปีครั้ง แต่ยังเพราะผู้บริโภคมีทางเลือกความบันเทิงจำกัด ทีวีมีไม่กี่ช่อง แต่ตอนนี้คนดูทีวีน้อยลง เล่นโซเชียลมากขึ้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องดูฟุตบอลที่ไม่ไม่สนใจ แต่จะเลือกดูแค่สิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น ยิ่งหนนี้ยิ่งเห็นได้ว่ากระแสเงียบมาก มาสคอตเป็นอะไร เพลงบอลโลกคืออะไร เชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ
เงิน 600 ล้านบาทหมดใน 1 เดือน เอาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่าเถอะครับ.