ปัญหา “แก๊งมังกรจีน” แผ่อิทธิพลข้ามชาติจากจีนแผ่นดินใหญ่ กำลังถูกตีแผ่ออกมาให้สังคมไทยได้เห็น น่าจะกลายเป็นอีกผลงาน “ชิ้นโบดำ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อุตส่าห์รวบอำนาจกำกับดูแลทั้ง ตำรวจ-ทหาร เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ให้คำมั่นสัญญาจะเข้ามาปฏิรูปประเทศ แก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ ให้ดีขึ้น

แต่เมื่อนึกถึงสำนวนโบราณ “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ระยะเวลา 8 ปี รัฐบาลประยุทธ์มีอำนาจแบบเต็มมือเกือบทุก ๆ เรื่อง ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ฝีมือ แก้ปัญหาสังคมโดยเฉพาะด้านอาชญากรรม ได้อย่างเป็นรูปธรรม

เดือนตุลาคม 65 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู เขย่าขวัญผู้คนไปทั่วโลก รัฐบาลเพิ่งจะตื่นตูมคิดมาทำ สงครามปราบยาเสพติดอาวุธปืน ยกเป็นปัญหาวาระแห่งชาติ ถ้ากองเชียร์ฝั่งลุงตู่ ลองไปนั่งทบทวนดู อุตส่าห์ดีใจได้นายกรัฐมนตรีมาจากผู้นำกองทัพบก มาดเข้มพูดจาดุดัน โชว์ฝีมือใช้กำลังทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลเก่าเข้ามาบริหารประเทศคงจะนำพาปฏิรูประเทศชาติไปได้สวย

บิ๊กตู่”เคาะโผทหารลงตัว “บิ๊กโต้ง”ผงาดผบ.ทร. “บิ๊กป้อง”เป็นผบ.ทอ. |  เดลินิวส์

แต่กาลเวลาผ่านได้พิสูจน์ให้เห็นถึงผลงานชิ้นโบดำการแก้ปัญหาอาชญากรรม ทำไมกลายเป็นสาละวันเตี้ยลงไปเรื่อย ๆ แค่จะทำสงครามยาเสพติด-อาวุธปืน กลายเป็นว่าต้องมาไล่ ตรวจปัสสาวะตำรวจ ทั่วประเทศ พร้อมสั่งเช็กยอดบัญชี คลังอาวุธปืนหลวง กันยกใหญ่อีก หลังถูกสีกากีแสบแอบฉกปืนหลวงไปขายนับร้อยกระบอก

ล่าสุดมาเจอ “แจ๊กพอตแตก” ปัญหาแก๊งอาชญากรข้ามชาติ จากแดนมังกร ที่ได้แผ่อิทธิพลเข้ามาปักหลักอยู่เมืองไทย ในโลกของยุคสมัย สื่อสังคมโซเชียล อะไรไม่เคยเห็นก็ได้เห็น หลากหลายข้อมูลถูกแชร์ให้ผู้คนได้รับชมทั้งง่ายดายรวดเร็ว จาก คลิปฝ่ายปกครอง บุกจับคลับหรู ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าของผับ หนุ่มหน้าตี๋ออกมาโวยวายชุดจับกุม พูดจาภาษาไทยด้วยสำเนียงแปลก ๆ หลังจากนั้นไม่กี่วัน เจ้าของผับ ชื่อ-นามสกุลไทยแท้ กลายเป็น ต่างด้าวสวมบัตรคนตาย

ยิ่งได้ข้อมูลของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ออกมาช่วยไขกุญแจดอกสำคัญเปิดให้เห็น “ทุนจีนสีเทา” เครือข่ายแก๊งอาชญากรแดนมังกร ที่แผ่อิทธิพลเข้ามาทำทั้ง ธุรกิจสีเทา ไปจนถึง ธุรกิจผิดกฎหมาย ในไทย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงได้เห็นภาพของ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ควงคู่ลุยเปิดปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน” ทลายแก๊งนายทุนจีนสีเทา ทั้งในเมืองกรุงเทพฯ ไปจนถึงปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว

สังคมไทยตื่นตะลึงใครจะไปเชื่อว่า หมู่บ้าน-คอนโดหรูๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จังหวัดท่องเที่ยว บางเฟสใหม่ มี กลุ่มทุนสีเทาจีน เข้าไปถือครองกว่าครึ่งโครงการฯ ตร.ตรวจค้นเจอทั้ง รถซูเปอร์คาร์ บิ๊กไบค์ เงินสดเต็มตู้เซฟ ฯลฯ

ภาพแก๊งอาชญากรแดนมังกร ที่เข้ามาปักหลักในไทย ก็ไม่ได้แตกต่างจากหนังแก๊งมาเฟียที่ได้เห็นจากหนังซีรีส์ โยงใย วนเวียนธุรกิจผิดกฎหมาย บ่อนพนันทั้งแบบดั้งเดิม, พนันออนไลน์, แก๊งคอลเซ็นเตอร์, ค้าผู้หญิง, ยาเสพติด ฯลฯ นำเงินที่ได้มาฟอกผ่าน “นอมินี” ทำสถานบันเทิง ธุรกิจต่าง ๆ ซื้อโรงงาน บ้าน ที่ดิน ทรัพย์สินมีค่า เพื่อทำให้ถูกกฎหมาย

แต่กว่านายทุนจีนสีเทา จะปีกกล้าขาแข็งแผ่อิทธิพลได้ใหญ่โตเช่นนี้ ย่อมต้องมีสายสัมพันธ์แทบทุกระดับไม่ว่าจะเป็นทั้งฝ่ายการเมือง, บิ๊กมีสีแวดวงราชการ ไปจนถึงกลุ่มอิทธิพลเจ้าถิ่นในไทย ฯลฯ ในเมื่อตอนนี้ “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้าปราบแก๊งมังกรจีนแล้ว ก็อย่าลืมเช็กบิลขุดรากถอนโคน เจ้าหน้าที่รัฐนอกรีต ที่เข้าไปพัวพันด้วยเช่นกัน

ลองนึกภาพถ้าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการปราบปรามกวาดล้าง “แก๊งอาชญากร” ในเมืองจีน และมี “เจ้าหน้าที่รัฐ” เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เชื่อว่าทั้งแก๊งอาชญากร-เจ้าหน้าที่รัฐ คงโดนบทลงโทษหนัก ชนิดอาจไม่ได้ออกจากคุกอีกเลย!!.