ข่าวจากหลายกระแสเรื่อง “ยุบสภา” หลังการประชุมเอเปค ที่กรุงเทพฯ ระหว่าง 18-19 พ.ย. นี้ ถ้าเป็นจริงก็ดีนะสิ! พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพราะการ “ยุบสภา” ช่วงปลายเดือน พ.ย.-ธ.ค. 65 ถือเป็นของขวัญปีใหม่ชิ้นใหญ่ให้กับประชาชนส่วนใหญ่

“ยุบสภา” เพื่อคลายบรรยากาศความอึมครึมทางการเมือง เพื่อให้ ส.ส. ที่กำลังจะตัดสินใจย้ายไปอยู่กับพรรคการเมืองใด จะได้มีเวลาตัดสินใจกันแต่เนิ่น ๆ

ที่สำคัญคืออายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ แม้จะมีไปถึงวันที่ 23 มี.ค.66 ก็จริงอยู่ แต่อยู่ไปแบบไลฟ์บอย เนื่องจากมีกฎหมายสำคัญรอการพิจารณาอยู่แค่ 2 เรื่อง คือ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง และร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า

รวมทั้งการขอเปิดอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งคงซัดรัฐบาลเรื่องเหตุการณ์สังหารหมู่ 37 ศพ ที่ จ.หนองบัวลำภู และปัญหาน้ำท่วมทั่วประเทศ

โดยเฉพาะเรื่องสุราก้าวหน้า ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ปาดหน้าพรรคก้าวไกลไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการชิงออกกฎกระทรวงคลายล็อกผลิตสุรา-เบียร์ พร้อมเกทับด้วยว่าทำมา 6 เดือนแล้ว โดยมีสิ่งที่ดีเกือบเท่าเทียมร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า

อยู่มา 8 ปี! ไม่รู้ว่าทำไม ครม.นายกฯ ชำรุดยุทธ์โทรม ต้องรีบ “ปาดหน้า” เพราะเกรงคุมเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้? หรือว่ากลัว “เจ้าสัว” ธุรกิจน้ำเมาจะถูกทุบหม้อข้าวหม้อแกงกันแน่?

เนื่องจากตอนนี้มีนักลงทุนมากพอสมควร ต้องการทำธุรกิจสุรา-เบียร์ อย่างถูกระบบตามขั้นตอนของภาครัฐ ต้องการเสียภาษีเข้ารัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีใครอยากจ่ายส่วย-จ่ายใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่รัฐอยู่แล้ว!

ไม่มีใครต้องการต้มสุรา-หมักเบียร์ ขายกันแบบส่งเดช! เพราะถ้าเข้าตามระบบที่ถูกต้อง โดยภาครัฐไม่วางกฎระเบียบและเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งเรื่องจำนวนทุนจดทะเบียน-ขนาดของโรงงาน (แรงม้า)-ปริมาณการผลิตต่อปี เพื่อกีดกันผู้ประกอบการรายใหม่ เราจะได้ผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ

สมมุติถ้ามีผู้ประกอบการผลิตสุรา-เบียร์หน้าใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาในตลาดอีก 10 ราย อย่างเป็นระบบถูกต้อง ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ รวมทั้งอธิบดีกรมสรรพสามิต จะกำกับดูแลตรวจสอบ-ควบคุมคุณภาพ และการจัดเก็บภาษีไม่ได้เชียวหรือ? ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะไปคว่ำร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า

ไม่มีเหตุผลใดเลยที่รัฐบาลชุดนี้จะไปเดือดร้อนแทน “เจ้าสัวน้ำเมา” หรือเปล่า? เนื่องจากถ้าใครจะทำธุรกิจตรงนี้แล้วต้องลงทุน 50-100 ล้านบาท ใครจะผลิตเบียร์ออกมาให้คนดื่มแล้วท้องเสีย? หรือกลั่นสุราออกมาให้คนดื่มแล้วตาบอด ไม่มีหรอก!

“พยัคฆ์น้อย” ต้องถามว่านายกฯ คิดอะไรอยู่? ถ้าอ้างว่าขืนปล่อยสุราก้าวหน้าให้ผลิตสุรา-เบียร์กันอย่างเสรี จะกระทบการจัดเก็บภาษีได้ไม่ตามเป้า อันนี้ยิ่งเป็นเหตุผลไม่เข้าท่า เพราะรัฐบาลไม่ควรไปคาดหวังอะไรกับเงิน “ภาษีบาป”

แต่รัฐบาลต้องมองไปที่โอกาสในการจัดเก็บภาษีจากรูปแบบอื่น ๆ แค่รัฐบาลประยุทธ์ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น “จีดีพี” ขยายตัวไม่ต่ำกว่าปีละ 5% ประชาชนจะมีกำลังซื้อขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ทั้งภาคการผลิต การจับจ่ายใช้สอย และการท่องเที่ยวจะคึกคักขึ้นมาทันที รัฐจะเก็บภาษีได้มากขึ้น โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต)

แต่นี่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำรัฐประหาร บริหารประเทศมาอย่างต่อเนื่อง 8 ปีไม่เห็นยากตรงไหน! แต่ “จีดีพี” โตเฉลี่ยแค่ปีละ 1% กว่า ๆ รั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน ยอดลงทะเบียนบัตรคนจนพุ่งไป 22-23 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของคนทั้งประเทศที่ไม่มีกำลังซื้อ เมื่อคนไม่มีกำลังซื้อแล้วรัฐบาลจะได้แวตมาจากไหน? สุดท้ายต้องจัดงบประมาณแบบขาดดุลทุกปี 5-7 แสนล้านบาท แบบนี้ไหวหรือ? แล้วจะมากางปีกปกป้องคุ้มครอง “ภาษีบาป” ที่เคยเก็บได้…ปัดโธ่เอ๊ย!

ดังนั้นจึงต้องบอก พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไม่ต้องสั่งการทุกกระทรวงเร่งหาของขวัญปีใหม่มามอบให้คนไทย เพราะของขวัญปีใหม่ดีที่สุดคือการยุบสภา ถ้ายุบสภาก่อนปีใหม่ คนไทยจะฉลองอย่างใหญ่โต เอาเป็นว่าเงินสะพัดก็แล้วกัน!!

——————————–
พยัคฆ์น้อย