ปัญหาที่ขัดแย้งกันระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี สองประเทศสมาชิกร่ำรวยที่สุด และมีอิทธิพลมากที่สุดของสหภาพยุโรป (อียู) กำลังเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เรื่องยุทธศาสตร์การป้องกัน ไปจนถึงการตอบสนองต่อวิกฤติพลังงาน, ความสัมพันธ์กับจีน หรือแม้แต่นโยบายการคลัง
นอกเหนือจากเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นเหมือนหายนะของนักการทูตฝรั่งเศสและเยอรมนีมานานหลายปี ความขัดแย้งด้านบุคลิกภาพ, การแข่งขันเพื่อความเป็นผู้นำของยุโรป และความแตกต่างเชิงกลยุทธ์ในวงกว้าง กลับเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนในขณะนี้ แม้ว่าทั้งสองประเทศจะพยายามรักษาความสามัคคีไว้เป็นฉากหน้าอยู่ก็ตาม
สำหรับมาครง เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจที่นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี แสดงความสนใจเพียงเล็กน้อยในการใช้เวลาส่วนตัวกับเขา รวมถึงความยากลำบากในการพบหน้ากัน ซึ่งต่างจากสมัยของนางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีของเยอรมนี
นอกจากการขาด “เคมี” ระหว่างมาครงกับโชลซ์แล้ว นักการทูตหลายคนกล่าวว่า ผู้นำทั้งสองคนไม่ลงรอยกันในเรื่องบทเรียนเชิงกลยุทธ์ที่เรียนรู้จากสงครามในยูเครน
หลังการเตือนเยอรมนีเกี่ยวกับความเสี่ยงของการพึ่งพาก๊าซของรัสเซียมากเกินไปกลายเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ มาครงรู้สึกเจ็บใจกับการผลักดันของเขาในการเสริมสร้างการพึ่งพาตนเองของยุโรป ตั้งแต่เรื่องพลังงาน ไปจนถึงการป้องกันประเทศ และการค้าขาย
นอกจากนั้น การตัดสินใจของโชลซ์ที่อนุญาตให้บริษัทจีนซื้อหุ้นในท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ แม้ฝรั่งเศสวิจารณ์ว่า เป็นนโยบายการค้าขายแบบมองการณ์ใกล้ต่อจีน ได้สร้างความงุนงงให้กับรัฐบาลปารีส เยอรมนีกล่าวว่า ตระหนักดีถึงความจำเป็นในการลดการพึ่งพาจีน แต่สิ่งนี้ไม่ควรหมายถึงการห้ามการลงทุนของจีนทั้งหมดในยุโรป
ในด้านการป้องกันประเทศ การตัดสินใจของรัฐบาลเบอร์ลินที่จะเปิดตัวระบบป้องกันภัยทางอากาศของยุโรปกับ 14 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหราชอาณาจักร แต่กลับไม่มีฝรั่งเศส เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย แม้เยอรมนียืนยันว่า ได้มีการเชิญฝรั่งเศสให้เข้าร่วมแล้ว แต่กลับถูกปฏิเสธ ทว่าฝรั่งเศสกล่าวว่า ข้อเสนอในการซื้อวัสดุที่ไม่ใช่ของยุโรปนั้น “ไม่มีโอกาสสำเร็จตั้งแต่ต้น”
นอกจากนี้ บรรดานักวิเคราะห์ยังกล่าวว่า ความต้องการของโชลซ์ที่จะจัดการกับพันธมิตรที่ยุ่งยาก ได้ทำให้เยอรมนีกลายเป็นประเทศที่สนใจแต่ตัวเองมากขึ้น และปรึกษาหารือกับคู่หูอย่างฝรั่งเศสน้อยลง
เมื่อโชลซ์เดินทางไปยังกรุงปารีส เพื่อรับประทานอาหารกลางวันอย่างเร่งรีบร่วมกับมาครง การจับมือและรอยยิ้มที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้น ขัดแย้งกับความตึงเครียดที่กำลังคุกรุ่นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : REUTERS
