ตั้งแต่ต้นฤดูกาล หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ ตั้งแต่เริ่มใช้ VAR เป็นตัวช่วยในการตัดสิน ดูเหมือนว่าหลายครั้งที่ VAR เข้ามาช่วยทำให้การตัดสินนั้นถูกต้อง แต่ก็อีกหลายครั้งที่ดูเหมือน VAR ทำให้เกมวุ่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าพรีเมียร์ลีก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรือลีกไหนๆ ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าไม่ต่างกัน

ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เชื่อว่าพวกตนโดน VAR ทำพิษมาสองเกมติด ตั้งแต่นัดพ่ายนิวคาสเซิล 1-2 ที่พวกเขาคิดว่า คัลลัม วิลสัน ทำฟาวล์ อูโก ยอริส ก่อนยิงบอลเข้าประตู และนัดล่าสุดที่เสมอ สปอร์ติง ลิสบอน แบบไม่เต็มใจ 1-1 เนื่องจากเชื่อว่า แฮร์รี เคน ทำประตูชัยช่วงทดเจ็บได้แล้ว ทั้งกองเชียร์ทั้งโค้ชเฮกันทั้งสนาม แต่สุดท้ายโดน VAR ริบคืนด้วยกฎที่แฟนบอลหลายคนก็ยังต้องเถียงกันว่า ตกลง เคน ล้ำหน้าจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม จะว่าไปไม่ใช่แค่ทีมใดทีมหนึ่งที่เสียประโยชน์จากการตัดสินของ VAR

ESPN รวบรวมสถิติตั้งแต่ออกสตาร์ตพบว่า แทบทุกทีมในพรีเมียร์ลีกล้วนมีประสบการณ์ทั้งดีและร้ายกับ VAR มาด้วยกันทั้งสิ้น โดยในการกลับคำตัดสินทั้งหมด 41 ครั้ง นิวคาสเซิล ได้ประโยชน์มากสุดที่หักลบแล้ว (หมายถึงเช็ก VAR แล้วทีมได้ประโยชน์) 5 ครั้ง รองลงมา เวสต์แฮม ได้ประโยชน์ 3 ครั้ง และ ลิเวอร์พูล 2 ครั้ง ขณะที่ บอร์นมัธ เสียประโยชน์มากสุด 3 ครั้ง และ สเปอร์ 2 ครั้ง

ดังนั้นสมมุติฐานคือตาชั่งกรรมการอาจไม่ได้เอียง เพียงแต่ห่วยจนทำผิดพลาดอย่างไม่ตั้งใจ ทุกทีมจึงทั้งเคยได้ประโยชน์และเสียประโยชน์มาทั้งนั้น

แต่ย้อนไปในเกมระหว่าง สเปอร์ กับ สปอร์ติง หลังจบเกมมีคำสัมภาษณ์หนึ่งที่น่าสนใจของ อันโตนิโอ คอนเต เขาบอกว่า “ผมอยากเห็นว่า หากเป็นสนามอื่นของทีมใหญ่ พวกเขาจะไม่อนุญาตประตูแบบนี้หรือไม่”

นี่ คอนเต กำลังหมายความว่าหากเป็นทีมใหญ่ คุณจะได้สิทธิพิเศษที่ผู้ตัดสินจะไม่กล้าตัดสินแบบนี้หรือ? คอนเต กำลังจะบอกว่ามันมีความไม่ยุติธรรมในการแข่งขันใช่หรือไม่? แสดงว่าแม้แต่คนที่ใกล้ชิดฟุตบอลมากที่สุดอย่างโค้ชยังยอมรับไม่ได้?

เกลน ฮอดเดิล บอกว่า VAR กำลังให้คนเข้าสนามลดลง บรรยากาศและเสน่ห์ของการชนะช่วงทดเจ็บมันหายไป ต่อไปคนที่ยิงได้จะไม่กล้าดีใจ เพราะไม่รู้จะโดนริบคืนหรือไม่ คนในสนามที่ไม่มีจอ ก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

VAR กำลังฆ่าเกมฟุตบอลอย่างช้าๆ และเลือดเย็น.