ดูเหมือนจบแต่ไม่จบ อภิดีลควบรวมธุรกิจมือถือใหญ่สุด ทรูกับดีแทค เอ็นจีโอ เลขาธิการสภาคุ้มครองผู้บริโภค น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เตรียมยื่นศาลปกครองพร้อมเรียกร้องลูกค้า 2 ค่ายนี้ เป็นโจทก์ร่วมฟ้องด้วย ขณะพรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ปาร์ตี้ลิสต์ เตรียมรวบรวมหลักฐานฟ้อง คกก.กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ต่อ ป.ป.ช.ฐานความผิด ม.157 เรื่องจึงทำท่าจะเป็นหนังยาว

โดยสามัญสำนึก จากเดิมมีธุรกิจมือถือ 3 ค่าย จู่ ๆ มีการควบรวมลดเหลือ 2 ค่าย ยากที่จะบอกว่า ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์มากขึ้น เพราะมีทางเลือกน้อยลง ขณะการผูกขาดจะมากขึ้น และการแข่งขันย่อมน้อยลงตาม เหนืออื่นใด ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ กสทช.ไปจ้างเอง ก็ระบุชัดเจนแนวทางเดียวกันหมด นั่นคือ การควบรวม 1) หากไม่มีการฮั้วกัน ค่าบริการจะสูงขึ้น 2-23% แต่ 2) หากฮั้วกัน ค่าบริการจะสูงขึ้น 120% ถึง 244% โน่นเลย และการควบรวมยังจะทำให้ GDP หดตัวลง 0.5-0.6% ด้วย จึงไม่ควรให้มีการควบรวม

ผู้ถือหุ้น TRUE-DTAC โหวตเลื่อนประชุมดีลควบรวม

แม้ผลศึกษาจะมาแบบนี้ แต่ กสทช.ก็ทำตรงข้าม ก็ไม่รู้จะเสียเงินจ้างศึกษาไปทำไมกัน แต่นั่นยังไม่ “เลวร้าย” เท่ากับการทำหน้าที่ของบอร์ด ที่ไร้ความรับผิดชอบ มุ่งเอามือซุกหีบ ไม่สมกับเงินเดือน 2.5 แสนต่อเดือน รถประจำตำแหน่ง เบนซ์หรู หรือ BMW ซีรีส์ 7 อยู่คนละ 5 ปี ต้องวิ่งเต้นฝุ่นตลบ ทั้งล็อบบี้ ฝากฝังตัวเอง เอาใจทำงานให้เข้าตาคนมีอำนาจ ฯลฯ กันอีก

ตาม ก.ม. บอร์ด กสทช. มี 7 คน แต่ตอนนี้มีแค่ 5 เพราะ ส.ว.ลากตั้งไม่เห็นชอบกับรายชื่อที่มีการเสนอเข้าไป บางคนแค่มีรูปถ่ายร่วมม็อบ 3 กีบ (ซึ่งเป็นสิทธิตาม รธน.) ส.ว.ลากตั้งก็ตีตกแล้วตีตกอีก อ้างกลัวไม่เป็นกลาง ทั้งที่พวกตัวเอง ลากตั้งจาก คสช.ทั้งดุ้น จะเป็นกลางได้ไง?!?

เหนืออื่นใด ก่อนจะมีการพิจารณา กสทช.ก็ทำหนังสือถามไปที่ คกก.กฤษฎีกาแล้วว่า ตนเองมีอำนาจจะพิจารณาตัดสินมหาดีลยักษ์นี้หรือไม่ คำตอบ คือ กสทช.เป็นองค์กรอิสระ ไม่ได้ขึ้นกับกฤษฎีกา มีอำนาจหน้าที่ของตนเอง สรุปง่าย ๆ ทำได้ ขนาดนั้น กสทช.ก็ยังไร้ความกล้าหาญ มีการลงมติถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก ผลการโหวต มี กสทช. 2 คน ลงมติ “ไม่เห็นด้วย” กับการควบรวม คือ ศ.ดร.พิรงรอง รามสูตร กับ รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย บอร์ดที่เห็นด้วยแต่ไพล่ไปใช้คำว่า “รับทราบการควบรวม” มี 2 คน ศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานบอร์ด กับ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ และงดออกเสียง 1 พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงต้องมีการลงมติรอบ 2 ผลปรากฏว่าเหมือนครั้งแรก ทำให้ประธานบอร์ด ศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ใช้อำนาจประธานลงคะแนนเพิ่มอีกเสียงใน “มติรับทราบ” ผลจึงออกมากลายเป็นมติที่น่าเคลือบแคลงสงสัยไปหมด

ไม่เห็นด้วย 2 รับทราบ 3 งดออกเสียง 1…พร้อมเงื่อนไขการควบรวมยุ่บยั่บไปหมด นี่ก็อีก ลงมติไม่ให้ตัวเองมีอำนาจชี้ขาด แล้วใครจะมีสิทธิในประเทศนี้ แค่ย้อนไปดูชื่อ “กสทช.” ก็ชัดยิ่งกว่าชัดแล้ว กลับไม่กล้าใช้อำนาจที่มี กลัว “เจ้าสัว” ไหนไม่รู้ แล้วยังแก้เกี้ยวออกเงื่อนไขเต็มไปหมด จนแม้แต่คนที่ขอควบอย่าง “ทรู” ยังมีข่าว จะอุทธรณ์เพราะทำตามเงื่อนไขไม่ได้?!?

กสทช. เปิดรับฟังวิจารณ์ร่างประกาศประมูลดาวเทียม

บอร์ดที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตัวเองกันไป แต่ที่ “งดออกเสียง” นี่สิ ดีลประวัติศาสตร์ขนาดนี้ยังไม่กล้านำทางสังคม แล้วจะมี กสทช.ไว้ให้เปลืองงบแผ่นดินปีละเป็นร้อย ๆ ล้านทำไม ทีเรื่องผลประโยชน์ตัวเอง กล้าจัง เสนอ ครม.พิจารณา จ่ายเงินชดเชย 2 ปี จากเงื่อนไขห้ามทำงานกับ บ.เอกชนโทรคมนาคมหลังจบวาระ ไม่ยักละอายแก่ใจนะ

แต่นั่นล่ะ เอาเข้าจริง กสทช.ก็แค่ 1 ในองค์กรอิสระตาม รธน.ปี 40 ที่ไม่เคยอิสระ เพราะถูกควบคุมเบ็ดเสร็จหลัง คสช.ยึดอำนาจ ยุบให้หมด พร้อม ส.ว.ลากตั้งนั่นแหละ ดีสุด ไม่เปลืองเงินแผ่นดินปีละหลาย ๆ พันล้าน เอาไปสร้างโรงพยาบาล ซื้อเครื่องมือแพทย์ดีกว่ามั้ย

ไม่ต้องกวน “พี่โน่ พี่ตูน” ว่ายน้ำข้ามโขง วิ่งใต้สุดจดเหนือสุด เปิดรับบริจาคเงินจนกลายเป็นดราม่าร้อนทุกที ทำไมเราต้องใช้เงินแผ่นดินให้เหล่าองค์กรอิสระอิ่มหมีพีมัน อยู่ดีมีสุข ทั้งที่หาผลงานดี ๆ ทำยายาก มีแต่ “ติดลบ” แทบทุกแห่ง หรือไม่จริง

————————————
ดาวประกายพรึก