ประเด็นสำคัญที่จะตัดสินว่าชาวมาเลเซียจะลงคะแนนเสียงอย่างไรนั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งราคาสินค้าที่สูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหาร และแนวโน้มทางเศรษฐกิจ จะอยู่ในการพิจารณาอันดับต้น ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐบาลและธนาคารกลางของประเทศกล่าวเตือนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่จะชะลอตัวในปีหน้า

นอกเหนือจากแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพียง 4-5% หลังการเติบโตของปีนี้คาดว่า อยู่ที่ 6.5-7% รัฐบาลเตรียมลดงบประมาณอุดหนุนสินค้าหลายรายการ ตั้งแต่ปี 2566 เนื่องจากแรงกดดันทางการคลัง ซึ่งมันอาจส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นมากกว่าเดิม หากรัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการตามแผนดังกล่าว

“ประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งครั้งต่อไปคือ ความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมันกำลังถดถอยอย่างรวดเร็ว” ดร.โอ เอ ซุน นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันกิจการระหว่างประเทศของสิงคโปร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวมลายูส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์คาดหวังว่า พรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ (อัมโน) “จะเป็นพรรคที่เต็มใจมากที่สุดในการมอบความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้”

สำหรับประเด็นของเสถียรภาพทางการเมือง ชาวมาเลเซียจำนวนมากไม่พอใจกับการเมืองที่ขาดเสถียรภาพ นับตั้งแต่ชัยชนะการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของฝ่ายค้านที่มีต่อพรรคอัมโน เมื่อปี 2561 ซึ่งพรรคอัมโนพยายามหาทางกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง และเป็นที่มาหลักของความวุ่นวายที่เกิดขึ้น อันมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งภายในพรรค และภายในกลุ่มพันธมิตร

The Newsmakers

นายกรัฐมนตรี อิสมาอิล ซาบรี ยาค็อบ ผู้นำมาเลเซีย กล่าวว่า ความไม่มั่นคงทางการเมืองส่งผละกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจ พร้อมกับแสดงความจำเป็นที่จะส่งคืนอำนาจให้กับประชาชน

ทั้งนี้ ข่าวฉาวมากมายเกี่ยวกับการรับสินบนเป็นเหตุผลสำคัญทำให้พรรคอัมโนพ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว อีกทั้งนักวิจารณ์บางคนยังกล่าวว่า การชนะของพรรคอัมโนที่ชัดเจนในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าจะยิ่งทำให้การทุจริตเลวร้ายยิ่งขึ้น และประชาชนจะได้เห็นนักการเมืองที่มีมลทินจากการรับสินบน กลับมามีอำนาจบริหารประเทศอีกครั้ง

อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปคือ เชื้อชาติ และศาสนา ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังคงสร้างความแตกแยกในมาเลเซีย ประเทศที่มีประชากรราว 32.7 ล้านคน และมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์

ชาวมลายู และกลุ่มชนพื้นเมือง มีสัดส่วนประมาณ 70% ของประชากรในประเทศ โดยส่วนที่เหลือจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์จีน และกลุ่มชาติพันธุ์อินเดีย

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายคน กล่าวว่า ชาวมลายูสายอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก มีแนวโน้มที่จะกลับไปสนับสนุนพรรคอัมโน หลังจากพวกเขาเกิดความรู้สึกถูกกีดกันจากรัฐบาลยุคดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เนื่องจากมีผู้ที่ไม่ใช่ชาวมลายูหลายคนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในคณะรัฐมนตรี.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS