ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวฝนตก อากาศเย็นเพิ่มมากขึ้นเช่นนี้… อีกหนึ่งอาการที่หลายๆ คนมักจะพบเห็นว่า คนรอบตัวมีอาการ “จมูกอักเสบภูมิแพ้” เพิ่มากขึ้น แต่จริงๆ แล้ว อาการป่วยดังกล่าวนั้น ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตได้มากมายกว่าที่คิด แต่หลายๆ คนกลับมองข้ามไป..
“Healthy Clean” จึงอยากจะขอพามาทำความรู้จัก “จมูกอักเสบภูมิแพ้” กับ ผศ.พญ.นริศรา สุรทานต์นนท์ หน่วยโรคภูมิแพ้ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้เผยถึงอาการดังกล่าวว่า การที่จะเกิดภูมิแพ้ได้ อย่างแรกคือเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ร่างกายมีความเซนซิทีฟ มีความไวตอบสนองต่อสารที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม และอีกสิ่งหนึ่งคือการที่เราสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่อยู่รอบตัว เช่นไรฝุ่น ซากแมลงสาบ ขนสุนัข ขนแมว ละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่รอบตัว แต่เมื่อภูมิเราไวกว่าปกติก็จะตอบสนองเยอะเกินไปทำให้เกิดการอักเสบทาง จึงเรียกว่า “ภูมิแพ้จมูก” ซึ่งหลักๆ จะเกิดทางทางเดินหายใจคือที่จมูก ตา บางคนก็เป็นหอบด้วย เป็นโรคที่เป็นร่วมกัน และมักจะแพ้ในสิ่งเดียวกัน คือเมื่อตรวจแล้วว่าแพ้อะไร ก็จะช่วยได้ทั้งหมด ทั้งหอบ ตา จมูกก็จะดีขึ้น
กรรมพันธุ์ก็มีส่วนที่จะทำให้เกิดอาการแพ้เพิ่มมากขึ้น โดยหากพบว่ามีคุณพ่อ คุณแม่ หรือพี่น้องที่เป็นภูมิแพ้ ตัวเราก็เกิดภูมิแพ้ได้ง่ายมากขึ้น เช่น ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็น ก็จะเกิดความเสี่ยงที่จะเป็นภูมิแพ้มากกว่าคนที่คุณพ่อ หรือคุณแม่เป็นภูมิแพ้เพียงคนเดียว “แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่มีประวัติครอบครัวจะไม่เป็นภูมิแพ้ แค่ความเสี่ยงน้อยกว่าคนที่มีประวัติครอบครัว”
ส่วนความแตกต่างระหว่าง ภูมิแพ้จมูกกับไซนัส นั้น จริงๆ ไซนัสอักเสบนั้นจะเกิดจากการติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อแบคทีเรีย อาการเด่นคือการคัดจมูกที่อาการคล้ายๆกัน “จมูกมีสีเขียวต่างจากภูมิแพ้ที่จะมีน้ำมูกสีใส” แต่เมื่อมีการรักษาที่ถูกต้อง ทานยาฆ่าเชื้อ การเป็นไซนัสก็จะหายได้ ส่วนการเป็นเรื้อรังนั้น ก็จะมีมากแต่ไม่ได้มีจำนวนมาก ส่วนใหญที่จะพบการเป็นภูมิแพ้และเป็นไซนัสร่วมด้วย โดยเมื่อเกิดภูมิแพ้จมูก ก็จะมีการอักเสบเยื่อจมูกภายในบวมแล้ว จะไปอุดโพรงไซนัส การักษาก็จะทำควบคู่กันไป คือหาว่าเกิดจากการแพ้สิ่งใด “หมายความว่าคนที่เป็นภูมิแพ้ จมูกอาจจะไม่เป็นไซนัสก็ได้ แต่คนที่เป็นไซนัส มีโอกาสที่จะเป็นภูมิแพ้จมูกได้”
สำหรับวิธีสังเกตตัวเองเบื้องต้น หาก “เป็นภูมิแพ้จมูก” จะมีอาการเบื้องต้น 4 อย่างคือ คันจมูกจนทนไม่ได้ น้ำมูกสีใส รู้สึกว่ามีน้ำมูกอยู่ภายใน มีอาการคัดจมูกหายใจไม่ออก หายใจดังพูดเสียงขึ้นจมูก อาการจามบ่อยขึ้น และไม่มีไข้ “ในช่วงเปลี่ยนฤดูหรืออากาศเปลี่ยนแปลง จะพบว่ามีผู้ที่เป็นภูมิแพ้เพิ่มมากขึ้น มาจากอากาศที่ชื้นมากขึ้น ไรฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติที่อยู่ตามโซฟา ปลอกหมอน ที่หลายๆ คนมักจะเกิดอาการแพ้แต่คิดว่าตัวเองแพ้ฝุ่น แต่จริงๆ แล้วเกิดจากไรฝุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่คนไทยแพ้” และคนไทยก็เป็นภูมิแพ้กันมากถึงครึ่งหนึ่งของประเทศ ที่มีทั้งเป็นโดยไม่รู้ตัว เป็นเพียงนิดหน่อย ออกกำลังกายแล้วหายก็มี แต่ด้วยสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ที่มีการก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้คนไทยป่วยเป็นภูมิแพ้เพิ่มมากขึ้น และใครๆ ก็เป็นได้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่
วิธีที่จะหลีกเลี่ยงอาการแพ้ได้ง่ายๆ ก็คือ หากเป็นคนชอบหมอน ตุ๊กตาเยอะๆ ก็ควรจะเก็บ อย่ามีอะไรอยู่ในห้องนอนมาก ซักให้บ่อยขึ้น และหากสามารถซักในน้ำร้อนได้ก็จะดียิ่งขึ้น เพราะไรฝุ่นเจอความร้อนก็จะตาย เมื่อซักก็จะหลุดไป ซึ่งจริงๆ แล้วอยากให้ไปพบคุณหมอเพื่อตรวจอาการก่อนจะดีกว่า ก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่องนอนกันไรฝุ่นที่มีราคาแพง เพื่อเลือกสิ่งที่จะทำหรือซื้อหาสิ่งของต่างๆ เข้าบ้านให้ถูกต้อง ส่วนการซื้อเครื่องฟอกอากาศนั้น ก็ไม่ช่วยเรื่องการแพ้ไรฝุ่น เพราะตัวไรฝุ่นไม่ลอยอยู่ในอากาศ แต่เดินอยู่ตามปลอกหมอน ตุ๊กตา รวมไปถึงการดักแมลงสาบไปทิ้ง และหากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงลองห่างดูสักพัก หากเจอกันแล้วจามตลอด หรืออยู่ในที่โล่งๆ แล้วเกิดอาการแพ้ ก็อาจจะแพ้เกสรดอกไม้ได้ ซึ่งในเบื้องต้นหากทานยาแก้แพ้แล้วไม่ดีขึ้น ก็ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการแพ้ที่แน่นอน ทั้งการตรวจหาอาการแพ้ทางผิวหนัง, การตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุว่า การแพ้นั้นเป็นมากน้อยเพียงไร
สุดท้ายแล้วหากการทำทุกวิธีทางแล้วไม่ดีขึ้น ก็คือเป็นการ “ฉีดวัคซีนรักษาภูมิแพ้” ที่หลายๆ คนไม่เคยทราบมาก่อนว่า “เป็นภูมิแพ้ก็หายได้” เรามักจะคิดว่าแพ้อะไรรักษาก็หาย แต่จริงๆ แล้วเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น อาการแพ้ก็น้อยลง แต่จริงๆ แล้วไม่หายขาด ฉะนั้นวิธีที่จะทำให้ภูมิแพ้หายขาดก็คือ การแก้ไขความแพ้โดยการฉีดวัคซีน เป็นการปรับภูมิแพ้ ซึ่งวิธีดังกล่าวนั้น มีมานานเป็นร้อยปีแล้ว เป็นการรักษา แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉีดเข็มเดียวสามารถหายขาดได้ แต่ใช้ระยะเวลานานเพื่อปรับภูมิ โดยระยะเวลาสั้นที่สุดคือ 3 ปี โดยเข้ามาตรวจเพื่อหาสาเหตุก่อน จากนั้นคือการทานยา พ่นยา แต่ถ้าไม่หายขาดจริงๆ ก็คือการมาฉีดวัคซีน
จริงๆ แล้วอาการภูมิแพ้จมูกนั้นไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต แต่จะทำให้ผู้ป่วยเกิดความรำคาญ นอนหลับไม่สนิท กลางวันง่วงตลอด เหนื่อย เพลียที่รบกวนการเรียน การนอน จนเป็นการลดคุณภาพชีวิตลง และในอนาคตก็มีความเสี่ยงที่จะเป็น “โรคหอบหืด” ที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ซึ่งจริงๆ แล้วภูมิแพ้จมูกนั้น อาจจะฟังดูไม่รุนแรง แต่หากเป็นแล้วก็จะนำไปสู่โรคอื่นที่มีความรุนแรงจนอาจจะเสียชีวิตได้…
………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”