ช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ต้องฝ่าฟันมรสุมหลายลูกในสนามการเมือง ไม่รู้ว่าจะพากันขึ้นถึงฝั่งหรือไม่ “ทีมการเมืองเดลินิวส์ จึงมาสนทนากับ แม่ทัพชาติไทยพัฒนาป้ายแดง “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทน.) ภายหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค จะนำพาพรรคเดินหน้าในสนามการเมืองกันไปอย่างไร

โดย “วราวุธ” ออกมาเปิดฉาก กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก็จะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมด้วยบางส่วน ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดว่า พรรคให้ความสำคัญในการเดินไปด้วยกัน ระหว่างคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหญ่ สังคมไทยในวันนี้การทำงานร่วมกัน การรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย การใช้ประสบการณ์ของผู้ใหญ่ บวกกับการใช้วิสัยทัศน์แนวความคิดของคนรุ่นใหม่นั้น จะต้องเดินคู่ไปด้วยกัน ถึงจะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าอย่างมั่นคงจากนี้ไป ย้ำว่านี่เป็นการผสมผสานการทำงาน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ 

“ขอบคุณสมาชิกพรรคทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ ขอบคุณหัวหน้าพรรคท่านก่อน น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา พี่นาของผมที่ได้บริหารพรรคตลอด 4 ปีที่ผ่านมา พรรคชาติไทย มาจนถึงพรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้ มันเป็นบ้านของผม เป็นสิ่งที่ผมเติบโตควบคู่มาตลอด 48 ปี ซึ่งผมตอนนี้อายุ 49 ปี เท่ากับว่า ผมเติบโตเคียงบ่าเคียงไหล่มากับพรรค วันนี้ผมมีหน้าที่ในการดูแลบ้านหลังนี้ว่าต้องซ่อมตรงไหน ต้องขยายอย่างไร นี่จึงเป็นภาระที่ต้องสานต่อจากหัวหน้าพรรคคนก่อน ๆ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมืองที่ชื่อชาติไทยพัฒนา” 

เชื่อว่าทำได้ซึ่งความสำเร็จจะเกิดขึ้นเมื่อทุกคนมารวมกันและทำงานร่วมกัน เมื่อร่วมกันแล้วทุกอย่างเป็นจริงได้ วันนี้ฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค เป็นหัวเรือของชาติไทยพัฒนานั้น มั่นใจว่าจะพาเรือลำนี้ที่ชื่อชาติไทยพัฒนาไปสู่ความสำเร็จในอนาคตอันใกล้ได้ แต่การทำงานที่จะไปถึงความสำเร็จนั้น เรือลำหนึ่งที่จะแค่กัปตันคนเดียวมันไม่สามารถเป็นไปได้ องคาพยพทุกส่วนของเรือลำนี้ต้องทำงานด้วยกัน เดินทางไปด้วยกัน เพื่อให้เรือลำนี้ไปถึงฝั่ง

@ มองสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนี้อย่างไร 

ขณะนี้อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล ผมเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไว้ว่า รัฐบาลชุดนี้จะง่อนแง่นแบบนี้ไปจนครบเทอม วันนี้เราพากันมาถึงโค้งสุดท้ายไม่ถึง 180 วัน ที่จะหมดสมัยของสภาผู้แทนราษฎรยุคนี้ ในวันที่ 23 มี.ค. 2566 ดังนั้นทุกพรรคการเมืองก็ต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่ ในการหาสมาชิกพรรค ยกขันหมากไปจีบ ส.ส.คนนั้น มีการย้ายพรรคของ ส.ส.คนนี้ เป็นเรื่องปกติผมเห็นมาตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ 

“ถือว่ารัฐบาลเดินหน้ามาไกลเกินกว่าที่ใครหลายคนคาดหวังคาดคิดเอาไว้ มั่นใจว่าหลังเอเปกไปแล้ว รัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปจนข้ามปี และอาจจะยุบสภา ช่วงเดือน ม.ค. เดือน ก.พ. หรือต้นเดือน มี.ค. ก็ยังเป็นไปได้ เพราะไม่เคยมีนายกฯ คนไหนอยู่จนจบสมัยด้วยความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมือง ดังนั้น จึงคิดว่ามีการยุบสภาแน่ แต่ไม่รู้ว่าจะยุบสภาตอนไหน”

ส่วนความสำคัญ 3 ป.ที่อ่อนแรงลงขณะนี้ เห็นว่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่เป็นเรื่องส่วนตัว วันนี้ยังทุกคนก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ แต่พอถึงเวลาเลือกตั้งแต่ละคนจะมีแนวทางอย่างไร เป็นเรื่องการเมืองที่ 3 ป. ไปว่ากันเอาเอง พอถึงตรงนั้นไม่ได้เกี่ยวกับชาติไทยพัฒนา เพราะหน้าที่ของผมคือทำให้พรรคได้คะแนนเสียงตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ ซึ่งจุดยืนทางการเมืองของพรรค ต้องยึดหลักการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อเลือกตั้งแล้วเสร็จจะอยู่ฝ่ายใดขึ้นอยู่หลักคณิตศาสตร์ เลือกตั้งเสร็จแล้วต้องมาเจรจากัน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูด แต่ก็มีคนชอบพูดว่าชาติไทยพัฒนาจะต้องเสียบเป็นรัฐบาล ซึ่งทุกพรรคการเมืองต่างต้องการเป็นรัฐบาล ไม่มีพรรคการเมืองไหนประกาศตัวเข้ามาเป็นฝ่ายค้าน เพราะการนำนโยบายพรรคมาทำงานได้คุณต้องเข้ามาทำงานในฐานะรัฐบาล และการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองก็ตั้งเป้าเข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศชาติไทยพัฒนาก็ไม่ต่างจากพรรคอื่น

ตอนนี้มี ส.ส.อยู่ 12 คน ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะถึง คาดว่าจะได้ ส.ส. ไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง พรรคต้องทำงานหนักเป็นเท่าตัว ขณะเดียวกันเราให้ความดูแล ส.ส. กับแบบอบอุ่นลักษณะครอบครัว เราแค่ทำงานเพิ่มอีกเท่าตัว และใช้ความพยายามเพิ่มมากอีกเท่าตัวมันก็พอจะกะได้ ซึ่งความหนักและความพยายามก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าอยากจะเห็นพรรคที่จะเติบใหญ่กว่านี้ และมีความก้าวหน้ามากกว่านี้ ทุกอย่างต้องใช้แรงและความพยายาม 

@ ได้มีการตั้งเป้า ส.ส.ในพื้นที่ใดบ้าง โดยเฉพาะฐานเสียงเดิมอย่างพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี     

เป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องไปหาวิธีในการเจาะพื้นที่ ไปยกขันหมาก ไปจีบคนนั้นคนนี้เข้ามา และเป็นเรื่องปกติเช่นกันที่พรรคอื่นก็หาวิธีจะมาเสียบพื้นที่เรา อย่างพื้นที่จุดแข็งใน จ.สุพรรณบุรี ของเราก็ไม่ประมาท ผู้สมัคร และ ส.ส.ในทุกเขตก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ ส่วนในภาคอีสานก็มี ส.ส.เพียงหนึ่งเดียวก็คือ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคก็ได้มีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในภาคอีสานไปแล้วที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.ยโสธร พรรคจะไม่เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.พร่ำเพรื่อ เราไม่ใช่พรรคขนาดใหญ่ที่เปิดตัว ส.ส.เป็น 10 คน ซึ่งแต่ละเขตที่เปิดตัวไปเราก็มั่นใจว่าจะสามารถปักธงชาติไทยพัฒนาได้  หลังจากนี้ก็จะมีการเปิดตัวว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.เพิ่มเติมแน่นอน 

เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคชาติไทยพัฒนา ชูนโยบายอะไรในการหาเสียง

พรรคชาติไทยพัฒนาหันกลับมาดูว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์โควิด-19 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป และประเทศไทยจะต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับคืนมา แม้แต่ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่บนโลกใบนี้ ทำให้ต้นทุนการผลิตของประเทศไทยทั้งน้ำมัน และปุ๋ย ดีดตัวขึ้น ทำทุกอย่างแพงขึ้นไปหมดและเกิดภาวะเงินเฟ้อประเทศต้องหันกลับมาดูจุดแข็งของตัวเราเอง ต้องหันมาดูภาคการเกษตรและการผลิต ต้องเปลี่ยนความคิดว่า การส่งออกสินค้าที่แพงที่สุด ไม่ใช่มากที่สุด จากการที่ดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯมา 3 ปี เห็นได้ว่าต้นทุนและศักยภาพในประเทศเรามีมาก

วันนี้พรรคชาติไทยจะต้องโยนคำถามไปว่า การแก้ปัญหาประเทศในด้านต่าง ๆ จะแก้ไขในระยะยาวได้อย่างไร ทั้งหมดเราต้องหันมาสนใจประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ น้ำท่วม น้ำแล้ง ต้องกลับมาดูต้นเหตุของปัญหา อาจจะดูไกลตัวที่มาพูดถึงก๊าซเรือนกระจก คาร์บอนไดออกไซด์ แต่ผลกระทบมันติดตัวเรา ผมได้ผลักดันนโยบายและการดำเนินงานในหลายๆ มิติ ในการแก้ไขปัญหาไคลเมทเชนจ์ ในประเทศไทยนี่คือสิ่งที่เราจะต้องเริ่มแก้ในวันนี้ เพื่อให้ลูกหลานของเราในอนาคต ไม่ต้องมาแก้ไขปัญหาเหมือนพวกเราอีก ซึ่งตนจะนำแนวทางที่กล่าวมาทำเป็นนโยบายสำหรับประชาชนในการเลือกตั้ง.