อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรืออีดี (Erectile Dysfunction) นั้นหมายถึงการที่องคชาตไม่สามารถแข็งตัวได้พอเพียงที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ จากการสำรวจผู้ชายทั่วโลกพบว่าประมาณร้อยละ 20 กำลังเป็นทุกข์อยู่กับอาการอีดี ซึ่งพบว่าการเป็นเบาหวาน ความดันเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดมีผลกระทบต่อการแข็งตัวขององคชาตจึงทำให้อาการอีดีเกิดขึ้นได้ง่ายมากขึ้น

การศึกษาผู้ชายสูงอายุในแมสซาชูเซตส์ (MMAS)รายงานว่า พบอาการอีดีในผู้เป็นเบาหวานมากเป็นสามเท่าของประชากรทั่ว ๆ ไป ซึ่งโรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดอีดี การที่กล้ามเนื้อเรียบทำงานได้น้อยลงอาจเป็นเหตุให้เกิดอาการ
อีดีในผู้เป็นเบาหวาน รวมไปถึงเส้นประสาทที่ถูกทำลายและเซลล์เอนโดธีเลียลทำงานผิดปกติซึ่งเกิดจากการมีสารไนตริก
ออกไซด์ที่ลดน้อยลงในผู้เป็นเบาหวาน แม้ว่าการใช้ยากลุ่ม
พีดีอี 5ไอ จะสามารถช่วยรักษาอาการอีดีได้ แต่ในชายอีดีที่เป็นเบาหวานมักจะไม่ค่อยได้ผลนัก จึงได้มีการศึกษาการใช้กรดโฟลิก ร่วมกับยากลุ่มพีดีอี 5ไอ ในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่สอง โดยการใช้ยากลุ่มพีดีอี 5ไอ ร่วมกับกรดโฟลิก ได้ทำการประเมินผลการรักษาด้วยการใช้คะแนนไอไออีเอฟทั้งก่อนและหลังการรักษา

ผลการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวพบว่า มีคะแนนไอไออีเอฟเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ป่วยอีดีที่เป็นเบาหวานมีสมรรถภาพทางเพศดีขึ้น และการใช้ยาทั้งสองชนิดร่วมกันนี้ถือว่ามีความปลอดภัยอีกด้วย การรักษาอาการอีดีด้วยยาทั้งสองขนานนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศในชายที่เป็นเบาหวาน

ดังนั้นหากการใช้ยากลุ่มพีดีอี 5ไอ แล้วไม่สามารถร่วมเพศได้ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยากลุ่มอื่นในการรักษาอาการอีดีที่ปลอดภัยและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ปัจจุบันได้ให้การขยายกล้ามเนื้อเพศช่วยให้แข็งตัวได้นาน 30 นาทีช่วยให้การร่วมเพศดีเทียบเท่าชายหนุ่มวัย 30 ปี แล้วหลั่งเร็วร่วมกับอ่อนตัว สามารถร่วมเพศได้ทุกวันครั้งละ 30 นาที ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด จิตใจก็มั่นใจตัวเองมากขึ้นเป็นลำดับ ใช้เวลาฝึกไม่เกิน 2 สัปดาห์ โดยผู้ชำนาญก็จะได้วิธีการที่ปลอดภัยและสบายใจ

————————–
ดร.อุ๋มอิ๋ม