เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่เคารพ

ผมอายุ 71 ปี ป่วยเป็นความดันโลหิตสูงมาระยะเวลา 3 ปี ตอนนี้ต้องเข้าพบแพทย์ตามนัดเป็นประจำทุก 2 เดือน ต้องกินยาควบคุมความดันเป็นประจำทุกวัน ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาทางเพศสามารถร่วมเพศกับภรรยาวัย 51 ปีได้เป็นอย่างดี เธออายุน้อยกว่าผมหลายปียังรักษารูปร่างดี อาทิตย์หนึ่งจะมีความสัมพันธ์กัน 1-2 ครั้ง แต่ไม่นานมานี้ผมเริ่มไม่สามารถร่วมเพศกับภรรยาได้เหมือนเดิม ทั้งที่ยังมีอารมณ์ปกติแต่อวัยวะเพศไม่ยอมแข็งตัว ที่สำคัญภรรยายังมีความต้องการทางเพศอยู่ ผมจึงไปหาซื้อยาเฉพาะกิจที่มีขายทั่วไปมากินจึงสามารถร่วมเพศได้ แต่มีคนบอกว่าให้ระวังถ้าสูงวัยกินยาเฉพาะกิจนาน ๆ อาจทำให้ตาบอดและหูหนวกได้ จึงเกิดความกลัวไปอีกหยุดกินยามาสักพัก แต่ใจก็ยังอยากร่วมเพศกับภรรยาอยู่ จึงจะมาพบหมอโอ เพื่อขอคำแนะนำ

ด้วยความเคารพ
พรบุญ 71

ตอบ พรบุญ 71

ในผู้ชายที่มีอาการอีดีส่วนใหญ่ มักจะชอบหาซื้อยากินเองโดยไม่รู้ถึงพิษภัยจากการกินยาดังกล่าวว่าจะส่งผลเสียต่อร่างกายของตนเองอย่างไรบ้าง ซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้มาจากการกินยาเหล่านั้นก็ได้แต่เนื่องจากไม่ได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนการใช้ยาจึงคิดว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากการใช้ยานั่นเอง แต่ก็มีชายอีดีที่รู้ตัวว่ามีโรคประจำตัวแล้วซื้อยากินเองปรากฏว่ายาที่กินนั้นเกิดผลกระทบต่อโรคที่เป็นอยู่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างตามมาบางรายถึงกับช็อกเสียชีวิตเลยก็มี กว่าจะรู้ก็สายเกินไปแล้ว

สำหรับการใช้ยาเฉพาะกิจหรือกลุ่มยาพีดีอี 5 ไอ ได้มีการศึกษาความเป็นพิษต่อระบบประสาทหลังจากการใช้ยาแล้ว มีผลกระทบน้อยมาก มีโอกาสเพียง 10 ใน 1 ล้านครั้งที่ใช้ยาที่จะเกิดผลกระทบต่อระบบประสาทตา แต่สามารถรบกวนการมองเห็นได้ มีการศึกษาการใช้ยาพีดีอี 5 ไอ พร้อมกับการทดสอบสมรรถภาพในการได้ยินที่คลื่นเสียงความถี่ 250-16,000 Hz และวัดความดันในหูชั้นกลางก่อนการใช้ยาและหลังการใช้ยา พบว่าหนึ่งชั่วโมงหลังกินยามีคนไข้ที่มีระดับความดันของเสียงต่ำสุดที่จะได้ยินในสภาวะที่ไร้เสียงรบกวนความถี่ต่ำ ๆ มีค่าลดลง และภาวะนี้สามารถกลับไปเป็นปกติได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติในการได้ยินจากการใช้ยา อาจจะมาจากหลายสาเหตุซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงการทำงานของ ท่อยูสเตเชียน คือ ท่อปรับความดันในหู หรือเกิดจากฤทธิ์ของยาก็เป็นไปได้ ดังนั้นหากต้องการได้ยาเพื่อทำการรักษาอาการอีดี จึงควรเข้ารับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อนจากการใช้ยาดังกล่าว

การรักษาอาการอีดีจากแพทย์ จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดต่อร่างกายของคนไข้ ปัจจุบันการรักษาอาการอีดีไม่จำเป็นต้องใช้ยาเฉพาะกิจเสมอไป มีวิธีการรักษาหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีฟื้นฟูกล้ามเนื้อเพศ การใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำช็อกเวฟเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดในองคชาต อย่าพยายามซื้อยากินเอง.