“สปาเก็ตตี้” แม้จะเป็นอาหารฝรั่ง แต่ก็มีคนไทยไม่น้อยนิยมรับประทาน โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก ๆ วัยรุ่น และคนวัยทำงาน สามารถทำเป็นเมนูเสริมหรือเมนูหลักในร้านอาหาร โรงแรม หรือร้านค้าทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นคาโบนาร่า หรือไม่ก็อิตาเลี่ยนจ๋า ไม่แซ่บไม่ถูกปากคนไทย ผู้ประกอบการจึงประยุกต์สูตรเป็นอาหารฝรั่งสไตล์ไทย รสชาติจัดจ้าน และเผ็ด ๆ แบบไทย เช่น สปาเก็ตตี้ผัดฉ่า, สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา, สปาเก็ตตี้แกงเขียวหวาน เป็นต้น วันนี้คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูล “สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง” มานำเสนอในวันนี้…
ผู้ที่จะมาให้ข้อมูลเรื่องนี้ คือ กาญจน์– กัญจน์รัตน์ ฟังมงคล อายุ 24 ปี เจ้าของร้านอาหารเคสไมล์ซัพพลายส์ ซึ่งเล่าจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้ให้ฟังว่า เกิดขึ้นจากการที่ครอบครัวประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจจากการทำธุรกิจเครื่องจักรก่อสร้าง ทำให้เกิดผลกระทบต่อครอบครัวมีหนี้สินจำนวนมาก เธอยังเรียนอยู่ก็หารายได้เสริมช่วยครอบครัวอีกทาง จึงปรึกษากับคุณแม่ซึ่งมีประสบการณ์ด้านทำอาหารให้ช่วยกันทำอาหารขาย โดยเริ่มจากการขายแซนวิสตอนเช้า เพราะด้วยทำเลที่ขายอยู่ใกล้ป้ายรถเมย์และเป็นช่วงเร่งรีบไปทำงาน ผลตอบรับดีมากจนต้องเพิ่มวัตถุดิบเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
“ต่อมาลูกค้าแนะนำให้ทำเมนูอาหารหลัก เช่น ข้าว หรือ ก๋วยเตี๋ยว คุณแม่เคยเป็นเทรนเนอร์ครัวไทยครัวโลกจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะรังสรรค์เมนูอาหารเช้าขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เริ่มจากอาหารแบบฟิวส์ชั่น เพราะยังไม่มีคนอื่นทำขาย และจัดตารางเมนูเด่นประจำวันเพื่อที่เราจะสามารถกำหนดวัตถุดิบได้และลูกค้าขาประจำจะรู้ เช่น วันจันทร์ จะมีข้าวคลุกกะปิ, วันอังคาร จะเป็นข้าวหน้าไก่เทอริยากิ, วันพุธ เป็นข้าวผัดอเมริกัน, วันพฤหัส จะเป็นเมนูเส้น คือ สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ และสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า และวันศุกร์ จะเป็นข้าวซี่โครงหมูบาบีคิว เป็นต้น ส่วนเมนูที่ขายยืนพื้นทุกวันคือแซนวิส”
กาญจน์ บอกอีกว่า เมนูที่ลูกค้าชื่นชอบเป็นพิเศษก็จะเป็นสปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง ที่นำ เอาสปาเก็ตตี้ที่เป็นอาหารอิตาเลี่ยนมาผสมกับความจัดจ้านของไทยซึ่งเข้ากันอย่างลงตัว อาหารที่ทำขายจะไม่ใส่สารปรุงแต่งและวัตถุกันเสียใด ๆ ทานแล้วสบายใจเน้นสร้างสุขภาพทีดีให้กับผู้ทาน นอกจากนี้เธอยังช่วยเรื่องการตลาดโดยใช้สื่อออนไลน์ การออกร้าน รับจัดเลี้ยง และต่อยอดเพิ่มเมนูใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย
อุปกรณ์ มี เตาแก๊ส, กระทะ, ทัพพี, มีด, เขียง, หม้อต้ม, กะละมัง, กระชอน และอุปกรณ์เครื่องครัวเบ็ดเตล็ดทั่วไป
วัตถุดิบ ที่ใช้ในการทำ “สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง” หลัก ๆ มี สปาเก็ตตี้เส้นกลมเบอร์ 3 (ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป) 1กก., ไส้กรอกไก่รมควัน 500 กรัม, ไส้กรอกสมุนไพร 500 กรัม, พริกหวานเขียว- เหลือง-แดงหั่น1กก., หอมใหญ่หั่น500 กรัม, แครอทหั่น500 กรัม, พริกแห้งหั่น 50กรัม, ใบโหระพา, กระเทียมสับ, เครื่องเทศอิตาเลี่ยน, ซอสปรุงรส, นํ้าตาลทราย, นํ้ามันมะกอกและเกลือป่น
ขั้นตอนการทำ “สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง”
เริ่มจากต้มเส้นสปาเก็ตตี้กันก่อน พอนํ้าเดือดใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปต้ม8 นาที ระหว่างต้มต้องคอยคนไม่ให้เส้นเกาะตัวกัน เมื่อสุกแล้วเทใส่กระชอนให้สะเด็ดนํ้า ใส่นํ้ามันมะกอกลงไปเคล้ากับเส้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เส้นจับตัวติดกัน พักไว้
นำไส้กรอกทั้งสองชนิดมาหั่นเป็นชิ้นแฉลบ ๆ เตรียมไว้, กระเทียมปอกเปลือกสับเตรียมไว้, พริกแห้งเม็ดใหญ่หั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ตามขนาดที่ที่ต้องการ, หอมหัวใหญ่ ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นลูกเต๋า, แครอท ปอกเปลือกล้างสะอาดแล้วหั่นขนาดตามที่ต้องการ, พริกหวานนำมาล้างสะอาด แล้วหั่นเป็นลูกเต๋า
จากนั้น ตั้งกระทะบนเตา ใส่นํ้ามันมะกอกลงไปนิดหน่อย นำกระเทียบหั่นและพริกแห้งหั่นเตรียมไว้ลงคั่วให้มีกลิ่นหอม ใส่ตามด้วยแครอทและพริกหวาน ผัดส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วจึงใส่เส้นสปาเก็ตตี้ที่เตรียมไว้ลงไป ผัดพอให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ปรุงรสชาติด้วยซอสปรุงรส, เกลือ และนํ้าตาลทราย ชิมรสให้ออกเค็มนำ พอสุกและเข้ากันแล้วใสใบโหระพาและไส้กรอกหั่น ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง แล้วยกลงพร้อมเสริฟกับผักสลัด เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
สำหรับราคาขาย “สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง” เจ้านี้ ขายชุดละ 50 บาท
นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่นำมาฝากกัน ใครสนใจอาชีพนี้ก็ลองนำสูตรไปฝึกฝนกันดู หรือใครอยากลองชิมฝีมือ สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง-คาโบนาร่า-ซอสมะเขือเทศ และเมนูข้าวต่าง ๆ เจ้านี้ว่าอร่อยแตกต่างจากเจ้าอื่นยังไง ร้านจะตั้งขายอยู่บริเวณทางเข้าตลาดรามอินทรา กม. 2 (รามอินทรา 4/1) เวลา 5.00- 10-.00 วันจันทร์-ศุกร์ หากต้องการติดต่อไปออกงานนอกสถานที่หรือสั่งไปใช้ในงานต่าง ๆ ติดต่อ กาญจน์–กัญจน์รัตน์ ฟังมงคล เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” เจ้านี้ที่เบอร์โทร.และไลน์ 09-5525-9845 นอกจานี้ยังรับจัดบุฟเฟ่ต์, รับทำอาหารกล่องและรับทำสแนคบ็อกด้วย คนเรานั้นหากไม่ท้อเสียอย่างโอกาสหรือช่องทางก็มีเสมอ.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง