@@…เร่าร้อนอยู่ตลอดหวังนำไปนำสู่จุดพีคทางการเมือง ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการปะทะเดือดกันทุกรอบ ที่ม็อบออกมา พร้อมปักหมุดหมาย ประกาศนัดรวมพลเริ่มเรื่อยมา ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ส.ค. 2564 โดยมีจุดตั้งต้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และจะเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง สุดท้ายก็เป็นเป้าหลอกของกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” และ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ที่แกงหม้อใหญ่ ให้เจ้าหน้าที่ และเปลี่ยนเป้าหมายไปบุกบ้าน “บิ๊กตู่” ที่ราบ 1 ในช่วงบ่ายแทน จนกระทั่งเย็นก็มีการปะทะกันเกิดขึ้นเช่นกัน
@@…ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง สาดใส่ม็อบ สลายการชุมนุม ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมก็มีอาวุธ ครบมือ พร้อมทำลายเผาป้อมตำรวจ เผารถตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงด้วยกระสุนปริศนาเจาะคอหวิดดับ
@@…ต่อด้วยเหตุการณ์การชุมนุมเคลื่อนไหวของ “ม็อบ 10 สิงหา” ดูเหมือนว่า “เป้าหมาย” คงไม่ได้อยู่ที่การขับไล่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะจากภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น ส่อไปในทางที่เลวร้าย และหนักหน่วงขึ้น ต่อด้วยเหตุการณ์ ม็อบทะลุฟ้า ที่นัดรวมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อทำกิจกรรมโดยใช้ชื่อ “11 สิงหา ไล่ล่าทรราช” ได้รวมกลุ่มแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โจมตีการทำหน้าที่ที่ตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเเละคดีทางการเมือง
@@…ขณะที่เจ้าที่ตำรวจก็กระชับพื้นที่ปิดล้อมประชิดผู้ชุมนุม ซึ่งรอบนี้ก็ได้มีการเผชิญหน้า และปะทะกันขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมต่างปาถุงสีใส่เจ้าหน้าที่ และมีการผลักดันกันกลางถนน ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม ส่งผลให้ผู้ชุมนุมวิ่งแตกฮือวิ่งหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง เจ้าหน้าที่ได้วิ่งไล่จับกุมผู้ชุมนุมได้หลายราย ภาพเหตุการณ์เปลี่ยน ได้เกิดการจลาจลกลางเมืองขึ้น
@@…ถึงแม้แกนนำ ม็อบทะลุฟ้า ได้ประกาศยุติการชุมนุมให้ประชาชนเดินทางกลับทันที แต่กลุ่มมวลชนไม่ได้ยุติตามที่ประกาศ พวกอารมณ์ค้าง ต้องการความรุนแรงหลงเมามันกับเหตุการณ์ ยั่วยุเจ้าหน้าที่ เหตุการณ์นี้ “ผู้พันบานเย็น” เชื่อว่าเหตุการณ์นี้มีผู้วางแผนไว้แล้วเล็งเห็นโอกาส หวัง กลุ่มม็อบเด็ก ขาดสติ จนสถานการณ์บานปลาย ทำ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ดูหมดน้ำยา คุมสถานการณ์ไม่ได้ หวังลาก ทหาร ให้เอาอาวุธ ยุทโธปกรณ์ออกมา ถ้าเผลอเพลี่ยงพล้ำทำประชาชนเจ็บตาย ขึ้นมาก็ทำการล็อกเป่าเขย่าซ้ำ เพราะฉะนั้นการที่จะตำรวจจะปรับทัพเอา ทหารเข้ามาช่วยคุมสถานการณ์ ต้องวางแผนกลยุทธ์ให้ดีและถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการไปสุมไฟติดกับดักความรุนแรง เข้าทางการเมือง พาประเทศย่อยยับเข้าไปอีกได้
@@…จบเรื่องร้อนๆ มาดูกิจกรรมเหล่าทัพกันบ้างเริ่มจาก… พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 5 โดยมี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวขอบคุณเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาอย่างเต็มขีดความสามารถ รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ดำรงความพร้อมในการสนับสนุนศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) และกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะการสนับสนุนกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ COVID-19 และยังได้ติดตามงานต่างๆ ที่เชื่อมโยงบูรณาการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
@@…ทั้งนี้การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นกลไกที่สำคัญในการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ รวมทั้งสนองตอบนโยบายของรัฐบาล และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ศักยภาพและทรัพยากรที่มีอยู่ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในปัจจุบัน
@@…พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องทหารปี 2505-2515 สามารถรับเหรียญกล้าหาญ-พิทักษ์เสรีชน และเข้ารับเป็นข้าราชการบำนาญ เงินเดือน 7,000-15,000 บาทตลอดชีพ ว่า ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกระทรวงกลาโหม พบว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ เนื่องจากกระทรวงกลาโหมไม่มีการดำเนินการเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด การชวนเชื่อดังกล่าวเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน ต่อภาพลักษณ์ของกระทรวงกลาโหม ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mod.go.th โทร. 0-2224-0717 หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กระทรวงกลาโหม
@@…พล.ร.อ.วศินสรรพ์ จันทวรินทร์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ประธานกรรมการสวัสดิการกีฬา กองทัพเรือ พล.ร.ต.เกริกพันธ์ พันธุ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการ กิจการศูนย์กีฬาวังนันทอุทยาน กองทัพเรือ นายแพทย์ ศิริพงศ์ เหลืองวารินกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนบุรี และนายแพทย์ วชิรบุณย์ ศาสตระรุจิ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลธนบุรี ได้ร่วมลงนามความเข้าใจและบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ระหว่าง กิจการศูนย์กีฬาวังนันทอุทยานฯ กับ โรงพยาบาลธนบุรี ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยานฯ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
@@…สำหรับการลงนาม ความเข้าใจ และบันทึกข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาลธนบุรี ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีสถานที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับกองบัญชาการกองทัพเรือ ให้สามารถใช้สถานที่และอุปกรณ์กีฬาที่มีอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์กีฬาวังนันทอุทยานฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือด้านการรักษาสุขภาพระหว่างกองทัพเรือและโรงพยาบาลธนบุรี อันจะเป็นการสร้างความตระหนักรู้ กับให้ความสำคัญและความสนใจในการดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว โดยส่งเสริมการออกกำลังกาย และการให้ความรู้ในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อันจะเป็นการสร้างความร่วมมือทั้งด้านการดูแล สุขภาพและด้านอื่น ๆ ที่ทั้ง 2 หน่วยมีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทั้ง 2 หน่วยงานต่อไป โดยคาดว่าความร่วมมือดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลาย
@@…พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. พร้อมด้วย พล.ร.ท.วิชัย มนัสศิริวิทยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ร่วมรับมอบตู้พ่นฆ่าเชื้อโรค ซึ่งผลิตโดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จำนวน 2 ตู้ จากนายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) และ นายทรงเดช วรยุทธการ ปธ.กรรมการ บริษัท พีท แอนด์ เฟรนด์ จำกัด
@@…พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ตรวจติดตามการจำหน่ายมังคุดให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพอากาศ ณ บริเวณด้านนอกร้านค้าสวัสดิการกองทัพอากาศ (เก่า) และจะดำเนินจำหน่ายมังคุด จนครบตามจำนวน 30 ตัน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบกับเกษตรกรอันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19
ผู้พันบานเย็น