หากพูดถึงโรคร้ายที่พรากชีวิตคนที่คุณรักไปในหลายๆ ครอบครัว ซึ่งหนึ่งในโรคแรกๆ ที่หลายๆ คนคงจะนึกถึงนั่นก็คือ “โรคหัวใจ” โดยเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ถือได้ว่า “วันหัวใจโลก” จัดขึ้นเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของโรคหัวใจ โดยพบว่าประชากรทั่วโลกเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือดเป็นอันดับ 1!!!
วันนี้ “Healthy Clean” จึงขอพามาพูดคุยกับ แพทย์หญิงปีนัชนี ชาติบุรุษ ประธานมูลนิธิดวงใจใหม่ และนายกสมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศ เผยว่า จากการรายงานสถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2563 พบว่า กลุ่ม “โรคหัวใจ” และหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนทั่วโลก หรือประมาณ 17.9 ล้านคน และจากสถิติกระทรวงสาธารณสุขในประเทศไทย พบผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 6 หมื่นราย “โดยอุบัติการณ์ล่าสุด พบว่ามีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คน หรือ ทุก 30 นาที จะมีคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือดถึง 1 คนเลยทีเดียว”
ชวนให้จินตนาการถึงเสียงเข็มวินาทีของนาฬิกา บอกถึงการนับถอยหลังถึงภัยของโรคหัวใจที่คร่าชีวิตคนไทยไปอย่างอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตสูงถึงอันดับ 3 ของไทยเลยทีเดียว ซึ่งโรคหัวใจที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเยอะที่สุดทั่วโลกคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ซึ่งพบได้มากในผู้สูงอายุ ตามมาด้วยโรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคกล้ามเนื้อหัวใจ ที่น่าตกใจคือ พบว่าปัจจุบันมีสถิติพบคนที่อายุยังน้อย หรือวัยรุ่นมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้มากด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 รองจากโรคมะเร็ง และสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเด็น ไม่มีสาเหตุที่ตายตัวแน่นอน แต่ก็มี ปัจจัยเสี่ยงที่อาจบ่งชี้ว่าน่าจะมีส่วนในการพัฒนาไปสู่การเป็นโรคหัวใจได้ นั้นสามารถแบ่งเป็น 2 ปัจจัยเสี่ยงใหญ่ๆ คือ
-ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้ อาทิ การสูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง โรคเบาหวาน และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบนั่งอยู่กับที่ ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย
-ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ปัจจัยเสี่ยงจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น, ปัจจัยจากฮอร์โมนเพศ เช่น ผู้หญิงที่อยู่ในวัยหลังหมดประจำเดือน และกรรมพันธุ์ เป็นต้น โดยโรคหัวใจชนิดต่าง ๆ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่แตกต่างกัน ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุด คือ หัวใจล้มเหลว เกิดขึ้นได้จากโรคหัวใจทุกชนิด
ในแต่ละปีมีศักยภาพในการทำผ่าตัดได้ 600-700 คนต่อปี เช่นเดียวกับตัวเลขผู้รับการผ่าตัดโรงพยาบาลของรัฐขนาดใหญ่ ผู้ป่วยโรคหัวใจที่รับการผ่าตัดจากโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศมีขีดความสามารถ 100 จนถึง 1,000 เคส ปัจจุบันก่อนสถานการณ์โควิดระบาด โรงพยาบาลราชวิถี ทำการผ่าตัดโรคหัวใจจำนวน 680 เคส นอกเหนือจากคนไข้ของโรงพยาบาล รวมถึงคนไข้เด็กที่ส่งมาจากโรงพยาบาลเด็กที่รับผิดชอบโดยตรง ทีมแพทย์ยังต้องผ่าตัดคนไข้เคสยากๆ จากโรงพยาบาลต่างจังหวัดที่อยู่ในการดูแลของราชวิถีอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ทีมแพทย์ศัลยกรรมหัวใจ และทีมพยาบาล มีความเชี่ยวชาญและมีความชำนาญมาก จะมี “ข้อจำกัด และข้อที่เหลือเฟือ” ข้อจำกัดในเวลาคือ ทีมงานแพทย์สามารถทำงานได้ ประมาณ 680 เคสต่อปี อย่างไรก็ตาม ในทุกปีจะมีคนไข้ที่ต้องรออยู่ในคิวประมาณ 300 คน ซึ่งต้องใช้เวลารอนาน 6-8 เดือน อาจจะเพิ่มกว่านั้น
ฉะนั้น.. การดูแลตัวเอง และสุขภาพคนที่คุณรัก เพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิด “โรคหัวใจ” จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่พึงระลึกถึงไว้อยู่เสมอ ก่อนจะถึงวันที่กลายเป็นเรื่องที่สายเกินไป..
………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”