เป็นการระบุของ ดร.ทพ.วิรัตน์ เอื้องพูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กรุงเทพฯ ซึ่งกับ “สิ่งที่ดี” ในกรณีดังกล่าวนี้ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มบรรเทาเบาบางลง ตอนนี้ก็ได้เริ่มดำเนินการแล้ว…

เริ่มนำร่องแล้วในพื้นที่กรุงเทพฯ…

กับ “รถให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่”

มีเป้าหมาย “บริการให้เด็กไทยวัยเรียน”

บริการดังกล่าวนี้เป็นการดำเนินการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ระบุไว้ว่า… เพื่อ เพิ่มการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรม และส่งเสริมป้องกัน ในกลุ่มเด็กนักเรียน เช่น บริการตรวจสุขภาพช่องปาก สอนการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน การเลือกแปรงสีฟันให้ถูกต้องตามวัย และการ ทำหัตถการเพื่อป้องกันฟันผุเบื้องต้น ได้แก่ การเคลือบฟลูออไรด์ และการเคลือบหลุมร่องฟัน (ฟันแท้) โดยทันตบุคลากร กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มเด็กปฐมวัยที่เป็นคนไทย ให้บริการต่อเนื่องปีการศึกษาละ 1 ครั้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเริ่มมีการนำร่องให้บริการแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทพ.อรรถพร พร้อมด้วย ดร.ทพ.วิรัตน์ ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม บริการออกหน่วย “รถโมบายสำหรับตรวจคัดกรอง และให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่” จากคลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ สาขาพระโขนง ที่โรงเรียนนิธิปริญญา เขตดินแดง กรุงเทพฯ โดยมีนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 เข้าตรวจคัดกรองจำนวน 110 คน ซึ่ง นายวรุตม์ เสริมศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ระบุว่า… เรื่องสุขภาพฟันของเด็กนักเรียนนั้น ทางโรงเรียนฯ ก็จะมีการตรวจฟันเด็กทุกเช้าก่อนเข้าเรียน รวมถึงยังมีการสอนให้เด็กแปรงฟันเป็นประจำหลังรับประทานอาหารกลางวัน ส่วนในเด็กเล็กที่มีการนอนกลางวัน ก็จะให้มีการแปรงฟันก่อนนอนกลางวัน เพื่อให้เด็กรู้จักการรักษาสุขภาพฟัน ซึ่งเด็ก ๆ ทุกคนก็ให้ความร่วมมือ

สำหรับบริการออกหน่วย “รถโมบายสำหรับตรวจคัดกรอง และให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่” พื้นที่กรุงเทพฯ ทาง ดร.ทพ.วิรัตน์ ผอ.สปสช. เขต 13 ระบุว่า… เนื่องจากบุคลากรในเขตกรุงเทพฯ มีข้อจำกัด เพราะบุคลากรที่จะให้บริการต้องเป็นทันตแพทย์ หรือทันตภิบาล ที่ส่วนมากจะต้องตั้งรับอยู่ในโรงพยาบาล จึงเหลือเพียงแค่ทันตแพทย์หรือทันตภิบาลของศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. จำนวน 69 แห่งเท่านั้น ที่จะสามารถจัด “บริการเชิงรุก” ได้ ดังนั้นจึงมีการขอความร่วมมือคลินิกเอกชนให้จัดบริการ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการเข้าร่วมจัดบริการของคลินิกก็ยังค่อนข้างน้อย จึงได้มีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการใช้รถทันตกรรมเคลื่อนที่ออกหน่วยบริการ ซึ่งไม่เพียงตรวจสุขภาพช่องปาก แต่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อม ซึ่งถือเป็น…

ทางเลือกใหม่บริการเชิงรุกในโรงเรียน

สามารถให้บริการทันตกรรมได้เบ็ดเสร็จ

“ขณะนี้มีรถทันตกรรมเคลื่อนที่จาก 1 แห่ง และมีคลินิก 2-3 แห่ง ที่มีรถทันตกรรมเคลื่อนที่เช่นกัน ที่พร้อมให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 คาดว่าน่าจะได้รับความร่วมมือจากคลินิกนอกกรุงเทพฯ เพื่อจัดบริการเพิ่มขึ้น”

ทางด้าน ทพ.เสริมสกุล วงศ์ถิรพร กรรมการผู้จัดการคลินิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ เขตพระโขนง ที่เข้าร่วมในการให้บริการ ระบุว่า… การออกหน่วยรถโมบายทันตกรรมเคลื่อนที่ที่ทางคลินิกฯ ร่วมกับ สปสช.เขต 13 นั้น เริ่มต้นดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งการออกหน่วยรถโมบายทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อให้บริการในโรงเรียนนั้น เน้นการป้องกันเป็นหลัก เช่น การเคลือบฟลูออไรด์ การเคลือบหลุมร่องฟัน การตรวจฟัน ฯลฯ ซึ่งทางผู้ปกครองเด็กนักเรียนจะต้องรับทราบและยินยอมก่อน และหากตรวจพบว่าเด็กมีฟันผุ ก็จะแจ้งให้ผู้ปกครองทราบเพื่อทำการรักษาต่อไป

ทั้งนี้ เพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับ “สิ่งที่ดี” ในกรณีดังกล่าวนี้ เกี่ยวกับกรณี การออกหน่วย “รถโมบายสำหรับตรวจคัดกรอง และให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่” เพื่อ “ให้บริการเด็กนักเรียนในโรงเรียน” กรณีนี้เรื่องนี้ ในส่วนของ ทพ.อรรถพร รองเลขาธิการ สปสช. ก็ได้ให้ข้อมูลผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาอีกว่า… สปสช. เขต 13 กรุงเทพฯ มีการเชิญชวนหน่วยบริการภาคเอกชนที่มีรถทันตกรรม ที่สามารถเข้าถึงโรงเรียนได้ง่าย สะดวก เข้าร่วมให้บริการทันตกรรมส่งเสริมป้องกันเชิงรุกในโรงเรียนเอกชน โดยมีเป้าหมายในการตรวจคัดกรองให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัดเอกชนจำนวนประมาณ 98,400 คน อย่างไรก็ดี คาดว่าในปีหน้า ปี 2566 จะสามารถให้บริการได้จำนวนมากขึ้น ครบตามเป้าหมายในโรงเรียนสังกัดเอกชนทั้งหมด

“การออกรถโมบายทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับการส่งเสริมและป้องกันเชิงรุกนี้ มีการเริ่มนำร่องที่กรุงเทพฯ ก่อน หากประสบผลสำเร็จ ได้รับความนิยม ก็จะมีการขยายบริการออกไปทั่วประเทศ” …ทาง ทพ.อรรถพร ระบุไว้

ก็น่าติดตามซัคเซสทางเลือกใหม่ทางเลือกนี้

“รถโมบายเคลื่อนที่” เพื่อ “ดูแลฟันเด็ก”

“ดูแลเด็กนักเรียน” กัน “ถึงในโรงเรียน”

โดย “พ่อแม่ผู้ปกครองไม่เสียค่าใช้จ่าย”.