ถ้าพูดถึง “ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต” คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะต้นตำรับอยู่ที่ จ.ปทุมธานี และทำให้ก๋วยเตี๋ยวเรือโด่งดังกระจายไปทั่ว เริ่มตั้งแต่ยุคแรก พ่อค้าจะพายเรือสำปั้นขายตามคลองรังสิต ยุคที่สอง เริ่มตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2501 ยกเรือขึ้นบก แต่พ่อค้าจะนั่งขายอยู่ในเรือตามเพิงหน้าร้านค้า ยุคที่สาม คือยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 จะขายในแพ หรือใช้เรือต่อขนาดใหญ่ หรือ เรือเอี้ยมจุ๊น จอดลอยลำในคลองรังสิต ทอดสะพานให้คนเดินจากริมคลองเข้าไปในเรือและแพ ซึ่งมีจำนวนหลายสิบเจ้า
“ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือโหระพา” ของ “เจ๊กิม” ก็เป็นอีก 1 ร้านเด็ดที่โด่งดังและมีชื่อเสียงในปัจจุบัน ตั้งอยู่ริมคลองรังสิตช่วงคลอง 8 พื้นที่หมู่ที่ 3 ถนนรังสิต-นครนายก ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นลักษณะเรือเอี้ยมจุ๊น ผูกติดกัน 2 ลำ จอดลอยลำในคลองรังสิต นอกจากก๋วยเตี๋ยวเรือที่อร่อยแล้ว ยังมีขนมถ้วยหวานมันและอาหารอื่นๆ อีกมากมายมาคอยให้บริการ ลูกค้ามาอุดหนุนแต่ละวันไม่ขาดสาย ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
แต่แล้วจู่ๆ เช้าตรู่ของวันที่ 14 ก.ย.65 ขณะที่พนักงานบนเรือกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมข้าวของ ตั้งเตาติดไฟทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น แก๊สเกิดรั่ว มีเปลวไฟพวยพุ่งออกมา และลุกลามไปติดลำเรือที่ทำจากไม้อย่างรวดเร็วเพราะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี พนักงานได้พยายามช่วยกันดับไฟ แต่ก็เกินกำลัง จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงนำรถน้ำมา 2 คัน ระดมฉีดเพลิงที่ลุกโหมกว่า 50 นาที จึงดับไฟได้สำเร็จ แต่เรือลำใหญ่ 2 ลำ ก็เหลือแต่ซาก!!
พนักงานร่วม 20 ชีวิต ยืนน้ำตาซึม เมื่อเห็นสภาพเรือที่ถูกเผา บางคนถึงกับร้องไห้อย่างไม่อาย บางคนถึงกับล้มลงกับพื้นไร้เรี่ยวแรง ยืนหมดอาลัยตายอยาก ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไร เมื่อที่ทำกินหล่อเลี้ยงชีวิตมาตลอด ถูกไฟเผาวอดไปต่อหน้าต่อตา..
วันต่อมา นางกิม บุญประเสริฐ หรือ “เจ๊กิม” เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือโหระพา นั่งน้ำตาซึมมองดูคนงานที่กำลังรื้อซากเรือ 2 ลำ และเก็บชิ้นส่วนที่ยังพอใช้ประโยชน์ได้ ด้วยใจที่ฮึดสู้ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เพราะคิดว่ายังมีลูกน้องอีกนับสิบชีวิตที่รอคอยความหวังจากตนเอง
เจ๊กิม เล่าทั้งน้ำตาว่า ร้านนี้เจ๊รักมาก ลงทุนทำเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ใช้งบประมาณ 3 แสนบาทเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าวของก็แพง ซึ่งจากการประเมินในการซ่อมแซมขณะนี้ งบประมาณปาไปเกือบล้านบาทแล้ว เงินทองเจ๊ไม่ได้มีมาก ต้องไปหาหยิบยืมจากญาติพี่น้องบ้าง เพื่อนบ้าง เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี แต่เจ๊ต้องทำเพราะว่าเรารัก เราอยากจะอนุรักษ์ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือแบบนี้เอาไว้ อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ลูกน้องของเราที่มีอยู่ 17 ชีวิต เราก็ต้องดูแลเขาต่อไป
“ตอนนี้ระหว่างที่ซ่อมแซมร้านที่คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 20 กว่าวัน เจ๊ก็ยังต้องดูแลลูกน้องอยู่ เพราะเป็นห่วง หากเขาตกงานไปจะเอาเงินที่ไหนกิน จะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงครอบครัว เจ๊จึงตัดสินใจเช่าที่ตรงข้ามร้านเรือที่ถูกไฟไหม้ เปิดขายก๋วยเตี๋ยวเรือขายเป็นการชั่วคราวไปก่อน เนื่องจากเรามีค่าใช้จ่ายเยอะในการซ่อมร้าน เพราะเรือที่ไฟไหม้ก็ไม่มีประกัน และต้องเลี้ยงลูกน้อง บางคนบอกว่ามาเห็นตอนไฟไหม้เรือก็ตกใจ กลัวจะตกงาน ซึ่งเจ๊ก็บอกไปว่าอย่ากังวล เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ขณะที่ นางการย์สิริ หาดทราย อายุ 55 ปี ลูกน้องมือทำก๋วยเตี๋ยว กล่าวว่า ตอนแรกเห็นไฟไหม้ร้านแล้วตกใจมากแทบจะเป็นลม สิ่งที่คิดแวบแรกคือกลัวว่าจะตกงาน แต่เจ๊กิม เจ้าของร้านเป็นคนใจดีมาก เจ๊พยายามจะหาเงินมาเลี้ยงลูกน้องทุกคนให้อยู่รอดต่อไปได้ ตนเองรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่เจ๊กิมให้การดูแลพวกเราเป็นอย่างดี
เจ๊กิม กล่าวต่ออีกว่า ลูกน้องแต่ละคนอยู่กับเจ๊มานาน ตั้งแต่เริ่มเจ๊จะสอนพวกเขาว่า ต้องใส่ใจในการทำงาน งานบริการต้องตั้งใจจริงๆ เพื่อให้ลูกค้ากลับมาอีก ถ้าลูกค้าประทับใจ เขาก็จะกลับมา จากเริ่มต้นแล้วก็สร้างชื่อมาเรื่อยๆ ลูกค้าบอกต่อๆ กันจนร้านของเจ๊เป็นที่รู้จักและขายดี เจ๊เลี้ยงลูกน้องเหมือนเป็นคนในครอบครัว ในยามที่ลูกน้องเดือดร้อน เจ๊ก็ช่วยเขามาตลอด พอวันนี้พวกเขามาบอกกับเจ๊ว่า จะขออยู่สู้ต่อกับเจ๊! ก็ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น
“เจ๊ก็เป็นนักสู้คนหนึ่ง สร้างตัวจากไม่มีอะไร เคยทำให้ร้านประสบความสำเร็จได้ วันนี้แม้จะมีอุปสรรคในชีวิตทำให้ล้มลง ก็คิดว่าเป็นบททดสอบ แต่เจ๊ก็ไม่ท้อ จะรีบลุกขึ้นสู้ต่อไป ทุกคนก็มีภาระ ก็ต้องผ่อนบ้าน เราจะไม่ทิ้งลูกน้อง เพราะเขามาอยู่กับเราแล้ว ก็ต้องร่วมสู้กันไปให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกกำลังใจจากทุกคน รวมถึงลูกค้าที่ถามไถ่กันมาด้วยความเป็นห่วง แล้วอย่าลืมมาอุดหนุนกันนะคะ”
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ประสิทธิ์ จิตสว่าง จ.ปทุมธานี
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่…