ทุกชีวิตเกิดมาบนความแตกต่างในฐานะ
สะท้อนการเติบโต ความเป็นอยู่ในวิถีไม่เหมือนกัน
โชคดีพ่อแม่มีเงินมีทองก็ได้กินดีอยู่ดี ได้เรียนหนังสือ
แต่ครอบครัวยากไร้ ชีวิตของเด็กที่เกิดมาก็จะลำบากตามต้นทุน
ยิ่งเป็นเด็กที่มีพ่อแม่เป็นเพื่อนบ้านไทย แบกชีวิตมาหางานทำในบ้านเราแล้วด้วย
แน่นอนว่ายิ่งลำบากยากเข็ญเข้าไปอีก!
อย่างสัปดาห์นี้ “เสือสมุทร” มีเรื่องราวของเด็กชายวัย 3 ขวบ ลูกของชาวไทใหญ่ แม่ชาวเมียนมาที่แยกทางกัน แล้วฝากให้เพื่อนบ้านช่วยดูก่อนหายไป หลายคนสงสารหยิบยื่นน้ำใจช่วยเหลือ รวมทั้งตำรวจด้วย
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวดีๆ ของคนใจดี ที่ช่วยกันเลี้ยงดูเด็กชายอายุ 3 ขวบกว่า ที่แม่ซึ่งเป็นชาวเมียนมาฝากเอาไว้ให้ดูแล เพราะต้องหางานทำที่กรุงเทพฯ
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ย่านถนนประชาธิปัตย์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.ต.สิทธิชัย ประดับ สารวัตรจราจรหาดใหญ่ สภ.หาดใหญ่ ได้นำของเล่นและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็ก รวมทั้งเงินจำนวนหนึ่งไปมอบให้กับ น้องฟลุ๊ค เด็กชายอายุ 3 ขวบกว่า ซึ่งมีพ่อเป็นชาวไทใหญ่และแม่เป็นชาวเมียนมา
แต่ว่าตอนนี้เพื่อนบ้านที่อยู่ในย่านถนนประชาธิปัตย์ ต้องช่วยกันดูแลมากว่า 7 เดือนแล้ว เนื่องจากแม่ฝากเลี้ยงเอาไว้เพราะเดินทางขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพฯ และยังไม่สามารถติดต่อได้ เพื่อนบ้านจึงต้องช่วยกันเลี้ยงดูจนกว่าแม่จะกลับมา
“เสือสมุทร” เข้าใจแม่ของน้องฟลุ๊ค ที่ต้องดิ้นรนหาเงิน ก็หวังว่าจะกลับมาหาลูก
“พ.ต.ต.สิทธิชัย” บอกว่า พ่อของน้องฟลุ๊คเป็นชาวไทใหญ่ ส่วนแม่เป็นชาวเมียนมา โดยพ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเล็ก น้องฟลุ๊คอาศัยอยู่กับแม่ที่ห้องเช่าแถวๆ ถนนประชาธิปัตย์ แต่ว่าตอนนี้แม่ไปหางานทำ ต้องฝากลูกไว้กับเพื่อนบ้านให้ช่วยดูแลมากว่า 7 เดือน ยังไม่กลับมา ทางตำรวจและห้างร้านในหาดใหญ่ จึงมาช่วยเหลือไปก่อน
น.ส.อาพร จันทรัตน์ เจ้าของร้านเสริมสวย ซึ่งเป็นหนึ่งในคนใจดีที่ช่วยดูแลน้องฟลุ๊ค บอกว่า เพื่อนบ้านแถวนี้รวม 4 คน ได้ช่วยกันเลี้ยงดูน้องฟลุ๊คมากว่า 7 เดือน โดยกลางวันก็จะมาวิ่งเล่นที่ร้านเสริมสวย ส่วนกลางคืนก็จะไปนอนที่บ้านข้างๆ
โดยก่อนหน้านี้แม่ของฟลุ๊คเช่าห้องอยู่แถวนี้ แต่ว่าในช่วงโควิด-19 ตกงาน เพื่อนบ้านเห็นใจจึงช่วยกันเลี้ยงดูน้องฟลุ๊คให้ เพื่อให้แม่ไปหางานทำ โดยเมื่อ 7 เดือนก่อน แม่ได้ขึ้นไปทำงานโรงงานที่กรุงเทพฯ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาและไม่สามารถติดต่อได้ เพื่อนบ้านจึงต้องช่วยดูแลน้องฟลุ๊ค มาถึงตอนนี้เพื่อรอให้แม่กลับมารับ ก็ยังหวังว่าแม่จะกลับมา ซึ่งน้องฟลุ๊คก็ยังคงรอแม่กลับมารับทุกวัน
แต่หากแม่ไม่กลับมา ก็อาจจะต้องช่วยกันเลี้ยงดูต่อไป หาโรงเรียนให้เรียนหรือไม่ก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดูแล แต่ก็ยังเชื่อว่าแม่จะกลับมา เพราะเคยอยู่ที่นี่มานานและน้องฟลุ๊คก็ยังอยู่ที่นี่ ไม่น่าจะทิ้งลูกไป เพียงแต่อาจจะยังมีปัญหาเรื่องงานเรื่องเงิน จึงไม่ได้ติดต่อกลับมา
นับเป็นความโชคดีของเด็กน้อยวัย 3 ขวบ ที่ได้น้ำใจจากผู้ใหญ่ใจดี รวมถึงตำรวจในพื้นที่
หากสังคมเราช่วยเหลือเกื้อหนุน มีน้ำใจต่อกันแล้ว จะน่าอยู่ขึ้นอีกเป็นกอง.
……………………………………..
คอลัมน์ “คนดีของสังคม”
โดย “เสือสมุทร”
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ “สมเพชร เสาร์คำ” ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ จ.สงขลา
อ่านเรื่องราว “คนดีของสังคม” ได้ที่นี่..