3 ยาย-หลานชีวิตสุดรันทด นางนัฐวดี ลาที อายุ 64 ปี ผู้เป็นยาย อาศัยอยู่กับหลานสองคนคือ เด็กหญิงฐิติยา พรชุบ อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 และเด็กชายภานุวัฒน์ พรชุบ อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 ต้องดิ้นรนสู้ทนกับความยากไร้อยู่ในบ้านหลังเล็กๆ พื้นที่หมู่ 5 ต.ยางสว่าง อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ สภาพบ้านเป็นเพิงหมาแหงนทรุดโทรมผุผังอยู่ห่างจาก อบต.ยางสว่าง ไม่ถึง 1 กิโลเมตร สังกะสีที่นำมาแปะเป็นผนังเต็มไปด้วยรูโหว่ อีกทั้งใช้สแลนขาดๆ มาคลุมบังแดด ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าใช้
นางนัฐวดี ลาที อายุ 64 ปี ผู้เป็นยาย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนกับครอบครัวไปอาศัยอยู่กันที่ภาคกลาง มีตน สามี และลูก 4 คน ต่อมาตนกับสามีมีปัญหากัน และลูกบางคนก็ไม่เอาตนแล้ว ตนจึงต้องบากหน้ากลับมาอยู่บ้านเกิด ต่อมาลูกสาวคนเล็กเลิกกับสามีไปมีครอบครัวใหม่ตนจึงไปรับหลานสองคนมาอยู่ด้วย โดยที่ลูกสาวคนเล็กจะส่งเงินมาให้ใช้บ้าง ตนต้องสู้ชีวิตทำมาหากินทุกอย่างไม่ว่าจะทำกับข้าวขายหรือขายเครื่องสำอาง รายได้วันละ 100 บาท พอได้กินไปวันๆ แต่ตอนนี้ตนสู้ราคาวัตถุดิบทำกับข้าวขายไม่ไหว จึงเลิกขายกับข้าวและไปรับจ้างขายของที่ศูนย์การค้าหมู่บ้านรายได้วันละ 100 บาท
แต่ละเดือนภาระค่าใช้จ่ายมากมายทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร รายได้ของตนไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งไฟฟ้าตอนนี้ถูกตัดไม่มีไฟใช้ต้องอาศัยขอต่อจากเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ก็ให้เงินหลานไปโรงเรียนคนละ 10-20 บาท หากวันไหนไม่มีจริงๆ ตนต้องเซ็นค่าอาหารกับร้านค้า บางครั้งก็หยิบยืมเพื่อนบ้านมาใช้จ่าย ยังดีที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเบี้ยคนชราเดือนละ 600 บาท ช่วยแบ่งเบาภาระได้บ้าง บางทีตนรู้สึกท้อแท้กับชีวิตไม่อยากอยู่แต่เมื่อหันกลับมามองหน้าหลานจึงต้องฮึดสู้ เพราะหากตนเป็นอะไรไปแล้วหลานทั้งสองจะอยู่อย่างไร
“เวลาที่เงินของรัฐออกมาตนก็จะเอาบัตรไปรูดเอาอาหารแห้งมาตุนไว้ตลอด อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีไข่ไก่ติดบ้านไว้ เพราะเวลาไม่มีอะไรกิน หลานก็จะทอดไข่ทำกินกันเองได้ ส่วนพี่น้องที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง หากตนไม่มีข้าวสารกรอกหม้อจริงๆ ตนก็ไปขอ เขาก็ตักแบ่งให้มา แต่หากบ่อยครั้งตนก็ไม่กล้าไปขอ สำหรับที่ดินที่อยู่อาศัย ตนเป็นลูกคนโตให้แม่โอนยกให้น้องๆ ไปทั้งหมด 10 กว่าไร่ โดยตนขอไว้แค่ที่แปลงนี้ที่กำลังอยู่เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน แต่น้องก็กลับนำไปจำนองไว้ ทุกวันนี้ตนจึงไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง”
สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ “บ้าน” โดยจะขออยู่ที่ดินแปลงนี้ไปก่อน สำหรับหนี้สินในระบบเกือบ 1 แสนบาท จากธ.ก.ส. สหกรณ์ ส่วนหนี้นอกระบบอีกกว่า 1 แสนบาท โดยตนก็ผ่อนใช้เป็นเดือนๆ น้อยบ้างมากบ้างแต่ใช้ตลอด สำหรับหลานทั้งสองคนต่างเป็นเด็กดี จะได้ทุนเด็กยากไร้คนละ 1,000 บาท จากศิษย์เก่าของโรงเรียนทุกปี ทั้งคู่จะปั่นจักรยานไปเรียนที่โรงเรียนบ้านโนนจำปี ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 1 กิโลเมตร ทุกวัน เมื่อกลับบ้านมาก็จะช่วยกันทำงานบ้านและทำกับข้าวรอยายที่ไปขายของกลับมากินพร้อมกัน
ขณะที่เด็กหญิงฐิติยา และเด็กชายภานุวัฒน์ สองพี่น้อง กล่าวว่า เวลาที่ฝนตกในบ้านจะเปียกไปหมด ไม่มีที่หลบฝนต้องทนยอมเปียกกันทุกคน ต้องซุกตัวในผ้าห่มไม่ได้นอนหลับ และต้องคอยระวังสัตว์มีพิษที่เข้ามาในบ้านไม่ว่าจะเป็นงู ตะขาบ แมงมุม แมงป่อง เมื่อเห็นพวกมันหนูก็จะรีบเรียกยายมาช่วย เพราะเคยโดนแมงมุมกัดมาแล้วจึงกลัวมาก ทุกวันนี้หนูสองคนคิดถึงแม่มาก อยากให้แม่มาหา แต่แม่ก็มาไม่ได้เพราะต้องทำงานหาเงินส่งมาให้หนู และหนูก็สงสารยายที่สุดที่ต้องทำงานหนักเลี้ยงดูหนูสองคน “อยากให้เรามีบ้านเหมือนคนอื่น หากได้จริงๆ หนูคิดว่าเราจะมีความสุขและชีวิตก็คงจะดีขึ้น”
ด้าน นายชูชัย ดำรงสันติสุข ทีมข่าวในพื้นที่ อ.รัตนบุรี หลังทราบข่าว 3 ชีวิตยายหลานน่าสงสารก็ได้นำรถจักรยาน 2 คัน มามอบให้ด.ญ.ฐิติยา และด.ช.ภานุวัฒน์ พร้อมกล่าวว่า ตนทราบข่าวจากช่องยูทูบ “ลุงจ่าพาลุย” ทำให้เห็นสภาพชีวิตของครอบครัวนี้จึงได้นำรถจักรยานคันใหม่มามอบให้เป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น เพื่อให้เด็กเดินทางไปเรียนหนังสือสะดวกขึ้น โดยจักรยานที่น้องใช้อยู่ทุกวันก็เก่ามากแล้ว จากนี้จะช่วยประสานหน่วยงานรัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลือต่อไป
หากผู้ใจบุญท่านใดต้องการช่วยเหลือครอบครัวนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-8342-2595 หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารออมสิน เลขที่ 020242453783 ชื่อบัญชี นางณัฐวดี ลาที ทั้งนี้จะมีคณะกรรมการหมู่บ้าน 3 คน คอยช่วยดูแลควบคุมการใช้จ่ายจากเงินที่ได้รับการช่วยเหลือเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างรัดกุม.
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : วิจิตร ชุณหกิจขจร จ.สุรินทร์
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
คลิกอ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..