รออีก 2 วันนะพ่อแม่พี่น้อง!!! ใครที่อยากจะมีรถยนต์ไฟฟ้าขับบนท้องถนน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้วยความทันสมัย ทันเทรนด์กระแสโลก หรือต้องการประหยัดเงินในกระเป๋ามีจิตศรัทธารักษ์โลกอย่างแท้จริงก็ตาม!!

เพราะ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯและรมว.พลังงาน บอกว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารเศรษฐกิจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 หรือศบศ.จะมีการหารือในเรื่องของโครงการ “รถแลกแจกแถม” กันอีกครั้งในวันที่ 2 ธ.ค.นี้

ตามข้อเท็จจริงแล้ว…โครงการรถแลกแจกแถม มีที่ไปที่มาจากโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เป็นแม่งาน โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เป้าหมายหลักของกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการ ลดปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ได้ระบาดอย่างหนัก ซึ่งนอกจากเรื่องของ “เผาอ้อย” แล้ว เรื่องการปล่อยมลพิษของ “รถยนต์เก่า” ที่มีการใช้งานมานาน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ใหญ่มากในการเกิดปัญหามลพิษ

เพราะอย่าลืมว่ารถเก่าแลกรถใหม่ นั้นก็หมายถึง การนำรถยนต์เก่าที่มีอายุการใช้งานมานาน 12 ปี มาแลก “ส่วนลด” ในการซื้อรถยนต์คันใหม่ที่ใช้เชื้อเพลิงที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกันโครงการนี้ยังเกี่ยวเนื่องไปถึงการทำลายซากรถเก่าอย่างมีระบบ ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะหากปล่อยให้รถยนต์เก่ามาขับเคลื่อนบนท้องถนนมากเท่าใดก็ยิ่งทำให้ปัญหาเกิดขึ้นมากเท่านั้น

นอกจากนี้ในแต่ละปี…ความจริงที่ว่าปริมาณรถยนต์ใหม่ ก็มีออกมาวิ่งบนท้องถนนหลายแสนคัน หากในช่วงเศรษฐกิจดี ๆ ก็ปาไปเป็นล้านคัน ขณะที่รถยนต์เก่าก็ยังมีอยู่…แถมเพิ่มมากขึ้นจากการซื้อรถยนต์ใหม่ นอกจากเพิ่มปัญหามลพิษแล้ว แล้วยังตามมาด้วยปัญหาการจราจรที่แออัดบนท้องถนนมากขึ้นไปอีก

แม้ปลุกปล้ำกันมานานนับปี แต่รายละเอียดหรือความชัดเจนของโครงการเดิมของกระทรวงอุตสาหกรรมก็ยังไม่ชัดเจน!! ขณะที่ภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือส.อ.ท. ก็เดินหน้าสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

แต่ในแง่ของนโยบายภาครัฐ แม้ชัดเจนว่าต้องการส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในหลายรูปแบบ แต่ในแง่ของภาคเอกชนก็ยังมีความเหลื่อมล้ำในเรื่องของสิทธิประโยชน์ของการผลิตรถยนต์ประเภทประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์ กับรถยนต์ไฟฟ้า

ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้เกิดการลงทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพราะมองแล้วว่าแนวโน้มของการรักษ์โลกนั้นมาแน่ ๆ จึงได้ให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็มีนโยบายที่จะผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 30% ในปี 2573 แม้เวลานี้ยังไม่มีค่ายรถยนต์ไหนลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ก็ตาม

เพียงแค่โหมโรงกันว่าจะมีโครงการนี้ออกมาเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ก็ทำเอาตลาดรถยนต์ปั่นป่วนกันเป็นแถว หลายคนที่อยากได้ส่วนลด 1 แสนบาท จากการนำไปลดหย่อนภาษี ก็แห่คืนใบจอง ชะลอรับรถกันถ้วนหน้า รวมไปถึงคนที่จ้องจะซื้อรถยนต์คันใหม่อยู่แล้ว ก็ชะลอการตัดสินใจซื้อเข้าให้ด้วยเช่นกัน

หลายเสียงหลายความเห็นจากบุคคล…จากกูรูในแวดวงรถยนต์ ต่างบอกว่า ต้องคิดให้ดีกันก่อนว่า หากรัฐบาลตัดสินใจให้นำรายจ่ายที่ซื้อรถยนต์ใหม่ตามที่กำหนด มาหักลดหย่อนภาษีได้ 1 แสนบาทนั้น ตามข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ส่วนลด 1 แสนบาททุกคน เหมือนโครงการ “รถคันแรก”

ตามกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ข้อเสนอในโครงการ  “รถแลกแจกแถม” นั้น สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 3% ของราคารถยนต์ แต่หักลดหย่อนได้สูงสุดได้เกิน 1 แสนบาท

นั่นหมายความว่า… บรรดาพ่อแม่พี่น้องที่จะได้รับการหักลดหย่อนเต็มวงเงิน 1 แสนบาท ต้องซื้อรถยนต์ในราคาที่คันละ 3.3 ล้านบาท ส่วนคนที่ซื้อรถยนต์ในระดับคันละ 5 แสนบาท ก็จะได้รับเงินคืนเพียงแค่ 15,000 บาทเท่านั้น

โครงการรถแลกแจกแถม แม้ดูเหมือนว่าอาจทำให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว ต้องดูให้แน่ชัดว่าจะซ้ำรอย “รถคันแรก” หรือไม่ แม้เงื่อนไขแตกต่างกันชัดเจน

แต่!!!สิ่งที่ต้องกังวลคือ… การเกิด “ดีมานด์เทียม” แม้ไม่เหมือนโครงการ “รถคันแรก” ก็ตาม ก็ต้องระแวดระวังให้รอบคอบด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น!!! อาจเป็นการทำลายตลาดรถยนต์ไปด้วยซ้ำ…
………………………………………
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”