จากคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างรวดเร็ว ในวัยหนุ่มหวังสร้างหลักปักฐานกับหญิงคนรัก แต่เวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน หญิงสาวผู้เป็นที่รักปันใจไปมีชายอื่น ความหวังที่วาดไว้อยากมีชีวิตครอบครัวที่ดีพังทลายในพริบตา จิตใจที่อ่อนแอสิ้นหวังท้อแท้ทำให้ “ยอด” หรือ นายยุทธพงศ์ โฉมทอง อายุ 38 ปี ชีวิตพลิกผันกลายเป็นคนติดเหล้า ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ ดื่มจนเมาทั้งวันทั้งคืน จะหยุดดื่มก็ในยามหลับเท่านั้น..
ทุกครั้งหลังลืมตาตื่นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ “ยอด” จะพบว่าตัวเองนอนอยู่ศาลาสวนสาธารณะบ้าง ข้างถนนบ้าง หรือในวัดบ้าง จากนั้นเขาก็จะออกเดินไปตามถนนด้วยเนื้อตัวที่สกปรก กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง หน้าตามอมแมม ผมเผ้ารุงรัง วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวัน เวลาอยากกินเหล้า เขาก็จะแบมือขอเงินคนที่ผ่านไปมา บางคนสงสารก็ซื้อข้าวให้กิน หรือหากได้เงินมาเขาก็จะเอาไปซื้อเหล้ากินหมดทุกครั้ง ซึ่งเขาดื่มเหล้าทุกชนิดที่มีหรืออยู่ที่กำลังเงินจะซื้อหามาได้
ไอ้ขี้เมา!! คนไร้ค่า คนไร้ประโยชน์.. คำเหล่านี้ก้องอยู่ในหัวของ “ยอด” ตลอดเวลา แต่เขากลับไม่ยี่หระ เพราะคิดว่ามีชีวิตก็แค่อยู่ไปวันๆ
จนวันหนึ่ง ชีวิตของ “ยอด” โชคดีได้พบทางสว่างอีกครั้ง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า “ไอ้ขี้เมาไร้ค่า” จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้ง เพราะยอดได้พบกับ พระครูปลัดบวร ปวรธัมโม หรือ “พระมหาบวร” เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ (จำปาขอม) ถนนศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช ชี้ทางชีวิตให้โอกาสกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้อีกครั้ง
“ยอด” เล่าถึงชีวิตที่ผ่านมาว่า ตนเรียนจบระดับปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์การประมง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (ไสใหญ่) ฐานะครอบครัวก็พออยู่พอกินไม่เดือดร้อน หลังเรียนจบเป็นช่วงที่เทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามามีบทบาทในสังคมมาก ตนจึงเปิดกิจการร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยฯ กิจการรุ่งเรืองมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ตนจึงเปิดสาขาใหม่อีก 3 สาขา ให้แฟนสาวที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ช่วยบริหารดูแลจนสามารถเก็บเงินซื้อบ้านราคาหลายล้านได้ และยังมีที่ดิน รถหรู สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตมากมาย
“คิดว่าชีวิตของตนในวัย 25-26 ปี มาไกลเกินความคาดหมายแล้ว แต่ทุกอย่างก็พังทลายลง เมื่อมารู้ว่าแฟนสาวไปมีคนอื่น ตนเสียใจ ทุกข์และเครียดหนัก จึงเริ่มหันไปดื่มเหล้าอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนเพราะอยากจะเมาให้มันลืมความทุกข์ไป งานการไม่ทำ เงินทองที่เก็บไว้ก็เริ่มร่อยหรอและหมดไปจนต้องขายบ้านและทรัพย์สินทุกอย่างที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงจนหมดเนื้อหมดตัว”
หลังหมดเงินไม่นาน ตนก็กลับไปอยู่บ้านเกิดที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ใช้วิชาความรู้ด้านการประมงที่ร่ำเรียนมาไปช่วยเหลือครอบครัวและญาติพี่น้องเลี้ยงกุ้งขาวจนประสบความสำเร็จ ทำให้ครอบครัวและญาติพี่น้องสามารถปลดหนี้สินได้ทั้งหมด ช่วงนั้นตนก็ยังดื่มเหล้าอย่างหนักต่อเนื่องจนกลายเป็นคนติดเหล้า!! จะต้องกินทุกวัน ซ้ำต่อมาถูกญาติที่หยิบยืมเงินไปไม่ยอมคืน ตนน้อยใจจึงตัดสินใจออกจากบ้านอีกครั้ง.. และมาทำงานรับจ้างตามร้านอาหาร ก่อนจะไปทำงานกับบริษัทรับเดินสายไฟฟ้าภายในอาคารเมื่อปี 63 แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทางบริษัทได้เลิกกิจการและลอยแพคนงานอีก
“ยอด” ยอมรับว่า เวลานั้นรู้สึกชีวิตล้มเหลวหมดอาลัยตายอยาก “เหล้า” เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยให้คลายทุกข์ได้ สุดท้ายแล้วไม่ใช่เลย!! นอกจากไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นแล้วยังฉุดชีวิตเราให้ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ จนไร้ค่ายับเยินไปกว่าเดิมซะอีก เขาต้องกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ไร้ศักดิ์ศรี แบมือขอเงินคนไปทั่ว ต้องขอข้าววัดกิน ไม่มีที่ซุกหัวนอน
จากนั้น ยอด ได้เล่าจุดเปลี่ยนของชีวิตว่า แล้ววันหนึ่งช่วงเดือน ก.ย.63 ตนได้ไปอาศัยหลับนอนและขอข้าวกินที่ วัดมุมป้อม คนส่วนใหญ่ที่เห็นตนจะหวาดกลัวและระแวงว่าจะเป็นอันตราย แต่ก็มีผู้ใจบุญบางคนให้เงินบ้าง 5 บาท 10 บาท ตนก็นำไปซื้อเหล้ากิน ต่อมา “เจ้าคุณเจือ” หรือ พระราชปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดมุมป้อม ได้สั่งให้แม่ชีในวัดช่วยดูแลหาที่หลับที่นอนและแบ่งปันอาหารให้ตนกิน แต่เนื่องจากในวัดมุมป้อมไม่มีห้องหรือที่พักว่าง แม่ชีจึงแนะนำให้ตนไปที่วัดบุญนารอบ ตนจึงเดินโซซัดโซเซมาเรื่อยๆ จนถึงวัดบุญนารอบ และเข้าซุกหัวนอนข้างศาลา ดื่มเหล้าเมามายอยู่ตรงนั้น 3 วัน 3 คืน
กระทั่ง “พระมหาบวร” หรือ พระครูปลัดบวร ปวรธัมโม เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ เรียกไปพบสอบถามเรื่องราวความเป็นมาพร้อมใช้หลักธรรมอบรมสั่งสอนตน ท่านยืนยันว่าท่านพร้อมที่จะให้โอกาสและช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ตามที่พอจะช่วยเหลือได้ พร้อมสั่งกำชับแม่ครัวให้ช่วยดูแลจัดอาหารให้ตนด้วย ท่ามกลางความหวาดระแวงของแม่ครัว พระภิกษุ สามเณร และคนงานในวัด ที่พยายามจะท้วงติงเพราะเกรงว่าตนจะสร้างปัญหานำความเดือดร้อนมาให้กับพระมหาบวรและวัดบุญนารอบ
“หลวงพ่อทำให้ตนมีสติคิดได้ ตนจึงกราบพระพุทธรูปและพระมหาบวร พร้อมกล่าวประกาศว่า ตั้งใจจะหักดิบเลิกเหล้าและกลับมาประพฤติตัวใหม่ อุทิศตนช่วยเหลือสังคมและกิจการภายในวัดทุกอย่าง” จนมาถึงวันนี้กว่า 8 เดือนแล้ว ตนสามารถเลิกเหล้าได้เด็ดขาด
และตนทำทุกอย่างในการช่วยเหลืองานภายในวัดและนอกวัด โดยเฉพาะทางพระมหาบวร ได้มอบหมายให้ตน ดูแลพระภิกษุที่อาพาธเป็นอัมพฤกษ์ ตาบอด รวมทั้งฆราวาสป่วยอัมพาตติดเตียง ที่ทางวัดช่วยเหลือสงเคราะห์รับตัวมาดูแล ทั้งการเช็ดทำความสะอาดเนื้อตัว ป้อนน้ำป้อนข้าว พาไปโรงพยาบาล นอกจากนี้เรื่องงานจัดสวน ตนจะนำกาบมะพร้าวมาทำปุ๋ยจำหน่ายเป็นรายได้ของพระเณร และใช้ปลูกพืชไม้ดอกไม้ประดับในสวนพฤกษาสวรรค์ของวัด เพื่อนำมาใช้ในงานบำเพ็ญกุศลศพอีกด้วย
หลังจากที่ตนได้พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็น พระภิกษุ สามเณร ชาวบ้านจึงให้การยอมรับและเชื่อใจตน คิดว่าวันนี้ชีวิตตนกลับมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้อีกครั้งเพราะพระมหาบวรท่านให้โอกาส ทุกวันนี้ตนพยายามจะศึกษาเรียนรู้ในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง เพื่อช่วยพัฒนาจิตใจได้อย่างแท้จริง หากไม่ได้รับโอกาสตนคงเป็นคนบ้าสติฟั่นเฟือนเร่ร่อนอยู่ตามข้างถนนและอาจจะตายอย่างไร้ค่า ไม่แตกต่างไปจาก “หมาข้างถนน” ก็ได้
สำหรับอนาคตนั้น เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น “ยอด” ตั้งใจจะกลับบ้านไปกราบพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ จากนั้นถึงจะคิดหาหนทางในการดำเนินชีวิตใหม่ ซึ่งอาจจะต้องหันกลับมาเลี้ยงกุ้ง นำวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง แต่ตอนนี้ขอตั้งใจช่วยเหลืองานวัดอย่างเต็มความสามารถก่อน..
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ไพฑูรย์ อินทศิลา จ.นครศรีธรรมราช
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
คลิกอ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..