เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่นับถือ

ปัจจุบันผมอายุ 53 ปี มีครอบครัวแล้ว ทำธุรกิจส่วนตัว ตอนสมัยหนุ่มเป็นคนหน้าตาดีระดับหนึ่ง นิสัยชอบเอาใจสาว ๆ เก่ง จึงมีหญิงหลายคนเข้ามาในชีวิต ทำให้มีภรรยาทั้งหมด 6 คน แต่เลิกไปแล้ว 5 คน เหลือภรรยาคนล่าสุดอายุ 41 ปี เธอสวยผิวพรรณดีทำให้ผมทั้งรักทั้งหลงเธอมาก ตอนนี้ผมมีปัญหาทางสุขภาพเรื่องความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูงเล็กน้อย เบาหวานไม่มี แต่เป็นคนชอบดื่มจัด ไม่สูบบุหรี่ ปกติเราสองคนจะร่วมเพศกันสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะหลั่งเสมอ แต่ไม่รู้ว่าเกิดความผิดปกติอะไรขึ้น จู่ ๆ ผมมาหลั่งเร็วขึ้น บางครั้งแค่ 5 นาทีก็เสร็จแล้ว  จนทำให้ภรรยาหงุดหงิดมาก จนเธอแอบไปปรึกษาเพื่อนแนะนำให้ใช้ยาทน เป็นแบบชนิดสเปรย์มาพ่นที่หัวองคชาตเพื่อให้เกิดการหลั่งช้าลง ตอนแรกใช้ 1 เดือนช่วงแรกก็ได้ผลดี แต่ขณะนี้ตกใจมากเมื่อพบว่านอกจากปลายอวัยวะเพศเริ่มจะไม่มีความรู้สึกแล้ว ยังไม่สามารถหลั่งได้เลย ทั้ง ๆ ที่หยุดใช้สเปรย์ฉีดไปแล้ว จึงอยากเข้ามาปรึกษาคุณหมอโอเป็นการด่วนเพื่อช่วยแก้ไข

ด้วยความนับถือ
วิสรร 53

ตอบ วิสรร 53

ปัญหาของชายวัย 53 ปีที่มีอาการหลั่งเร็ว คือหลังจากใช้ยาช่วยยืดการหลั่งมาเป็นเวลา 1 เดือน แล้วเกิดไม่มีความรู้สึกที่ปลายอวัยวะเพศและเริ่มอ่อนตัว ส่งผลให้ไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้ สาเหตุเกิดจากชนิดของตัวยาที่ใช้อาจมีการผสมของยาชาบางชนิดที่เมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน ๆ อาจทำลายเส้นประสาทรับความรู้สึกที่องคชาต ทำให้ไม่มีความรู้สึกทางเพศเมื่อได้รับการกระตุ้นทางเพศด้วยการสัมผัส นอกจากนี้การใช้ยาที่ผิดวิธีคือใช้ไม่ตรงกับคำแนะนำของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ทิ้งไว้นานเกินไปแล้วไม่มีการล้างออก เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ผล หรือใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจากคำแนะนำ หากปฏิบัติอย่างนี้เรื่อยมาก็อาจทำให้เกิดอาการชา หรือทำลายเส้นประสาทรับความรู้สึกได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหล่านี้คือผลข้างเคียงจากการใช้ยาชะลอการหลั่ง ที่ขาดการแนะนำจากแพทย์

การรักษาอาการหลั่งเร็วในชายสูงวัยนั้น แพทย์จะต้องค้นหาสาเหตุเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศร่วมด้วย ซึ่งมักพบว่าในชายสูงวัยที่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศไม่เต็มที่แล้วไม่ได้รับการรักษามักจะเกิดอาการหลั่งเร็วและอ่อนตัวตามมาภายหลังได้เสมอ ยิ่งในชายที่มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมทั้งไขมันในเลือดสูง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแข็งตัวของอวัยวะเพศที่ไม่เต็มที่ ดังนั้นการรักษาอาการหลั่งเร็วในชายสูงวัยทั้งที่มีหรือไม่มีโรคนั้น แพทย์จะต้องทำการตรวจร่างกายให้ละเอียด ซักประวัติ เจาะเลือดหาเบาหวานแอบแฝง ไขมันในเลือด หาระดับฮอร์โมนเพศชายเทสโตสเตอโรน และต่อมลูกหมากด้วยการดูค่าพีเอสเอ การรักษาต้องทำการรักษาควบคู่กันทั้งเรื่องการไม่แข็งตัวเต็มที่ขององคชาต และอาการหลั่งเร็ว

สำหรับอาการหลั่งเร็วนั้นสมัยก่อนจะสนับสนุนให้ใช้ยาทา ซึ่งมีมานานแล้วเนื่องจากมีข้อเสียน้อย คุณภาพดีในบางคน ส่วนยารับประทานมีหลายขนานแต่ละขนานมีหลายชนิด ซึ่งรายละเอียดข้อดีข้อด้อยของยารับประทานแต่ละขนานมีมาก และมีมาใหม่แต่จะต้องให้แพทย์พิจารณาให้ดีที่สุดเป็นราย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่คุณกำลังเป็นอยู่ ทางการรักษาควรจะเพิ่มการรักษาด้วยการรักษาให้แข็งตัวให้ได้ 30 นาที ทั้ง ๆ ที่หลั่งเร็วก็ยังแข็งตัวต่อ 30 นาทีทุก ๆ ครั้ง สร้างความมั่นใจเพิ่มและรักษาอาการหลั่งเร็วที่ใช้เวลารักษา 3-6 เดือน.

—————————-
ดร.โอ สุขุมวิท 51