“โอกาสและเวลาจะสอนให้รู้ว่า อะไรควรรักษาไว้ และอะไรควรที่จะปล่อยมันไป…อุปสรรคทำให้เราเดินช้าลง แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เราหยุดเดิน”

ขอเท้าความย้อนกลับไปถึงคดีๆ หนึ่ง ที่ตอนนั้นเป็นข่าวใหญ่มาก เรียกว่าเป็นระดับตำนานก็ว่าได้ มันเป็นเรื่องราวร้อนแรงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และเป็นที่สนใจอย่างมากเมื่อช่วงกลางปี 2563 เกี่ยวกับเรื่องราวและพฤติกรรมสุดเหี้ยมโหดเลือดเย็น นางสาวนิษฐา หรือ แม่ปุ๊ก วัย 29 ปี ที่ถูกตำรวจกองปราบฯ จับกุมในคดีฉ้อโกงกว่า 10 ล้านบาท

เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าตัวมีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชน ด้วยการโพสต์ข้อความเปิดรับบริจาคเงินและหลอกขายสินค้า ซึ่งอ้างจะนำเงินไปรักษาลูกวัย 3 ขวบที่ป่วย แต่สุดท้าย ผลการตรวจลูกพบเกิดจากสารเคมีที่เป็นกรดคล้ายน้ำยาล้างห้องน้ำ ส่วนเด็กที่บอกว่าเป็นลูกนั้น ก็เป็นการรับมาเลี้ยงโดยการอุปการะ

โดยเรื่องราวของ แม่ปุ๊ก มีอาชีพขายของออนไลน์ อยู่ที่ดอนเมือง กรุงเทพฯ เริ่มเป็นที่รู้จักในโซเชียลมีเดียเมื่อปลายปี 2560 โดย แม่ปุ๊ก บอกว่าตัวเองเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกตามลำพัง ถูกสามีทิ้งไป มีทั้งหมดลูก 2 คน คนโตเป็นผู้หญิงชื่อ “น้องอมยิ้ม” อายุ 3 ขวบ (อายุในตอนนั้น) คนเล็กเป็นผู้ชายชื่อ “น้องอิ่มบุญ” ปัจจุบันอายุ 3 ขวบ

และเมื่อเดือนธันวาคม 2560 หนูอมยิ้ม เริ่มป่วย โดยมีอาการหน้าตาบวม ปากคอบวม และอาเจียน ซึ่งแม่ปุ๊กให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้น้องทานอาหารทะเลเข้าไป หมอจึงสันนิษฐานว่าน้องแพ้อาหารทะเล

หลังจากนั้น หนูยิ้มกลับป่วยเรื้อรัง ไม่ยอมหายและมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ เริ่มมีอาการเหนื่อยหอบ เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นฟองบ้าง เป็นเลือดบ้าง ความดันสูง เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น จนกระทั่งช่วงเดือนธันวาคม 2561 หมอส่องกล้องพบว่าทางเดินอาหารของหนูยิ้ม อักเสบอย่างรุนแรง มีแผลตั้งแต่หลอดลมยาวไปจนถึงกระเพาะอาหาร ทำให้ทางเดินอาหารส่วนต้นบอบช้ำมาก

จนเมื่อต้นมกราคม 2562 แม่ปุ๊ก โพสต์ในเฟซบุ๊กอ้างว่า หมอบอกว่าหนูยิ้มป่วยเป็น “โรคเรนินโนม่าห์” ซึ่งเป็นโรคประหลาด มีเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น มีค่าใช้จ่ายในการรักษาจำนวนมาก

หลังจากนั้นไม่นาน แม่ปุ๊ก เริ่มขอรับความช่วยเหลือจากชาวเน็ตให้ช่วยกันอุดหนุนสินค้าต่าง ๆ ที่ขาย เช่น กล้วยแปรรูป เสื้อผ้า รวมทั้งให้หมายเลขบัญชี เพื่อขอรับบริจาคเป็นค่ารักษาพยาบาลลูกด้วย โดยจะไลฟ์หรือโพสต์รูปอัพเดทอาการป่วยของหนูยิ้มตลอด แม้แต่ตอนน้องอ้วก ทำให้หลายคนเสียน้ำตาให้กับชะตากรรมและความเข้มแข็งของน้อง ที่แม้จะป่วยหนักก็ยังยิ้มสู้

ทำให้เพจและสื่อหลายแห่ง อาสาเป็นสะพานบุญช่วยบอกต่อ จนเกิดเป็นแคมเปญ “ช่วยหนูยิ้มกลับมายิ้มอีกครั้ง” มีการผลิตกระเป๋าผ้าเพื่อหนูยิ้มออกมาจำหน่าย ไหนจะสินค้าอื่น ๆ และเงินบริจาค แต่ในขณะเดียวกัน หนูยิ้มก็อาการทรุดลง ตัวบวม หน้าบวม เดินไม่ได้ หัวใจเต้นเร็ว แล้วในที่สุด หนูยิ้ม ก็เสียชีวิตด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน เมื่อสิงหาคม 2562

หลัง หนูยิ้ม เสียชีวิต กลับมีดราม่าเกิดขึ้น เนื่องจากหลายคนออกมาบ่นว่า สั่งซื้อของจาก แม่ปุ๊ก และโอนเงินไปแล้ว แต่ไม่ได้ของ พอทวงถามก็บ่ายเบี่ยง แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ของ เลือกที่จะไม่ติดตามทวงถาม เพราะคิดว่าเป็นการทำบุญ ทำให้เรื่องนี้เงียบไป แต่ก็มีหลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตในพฤติกรรมของ แม่ปุ๊ก

จนมาเมื่อต้นปี 2563 แม่ปุ๊ก เริ่มโพสต์เรื่องการล้มป่วยของ น้องอิ่มบุญ ลูกชายคนเล็กอีก โดยอาการป่วยคล้ายกับอาการของ หนูอมยิ้ม มาก เช่น อาเจียนเป็นเลือด ตัวบวม หลายคนมองว่าอาจเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์ แต่ก็มีบางคนเริ่มเกิดความสงสัย และก็ทำเช่นเคย โดยการอุดหนุนสินค้าต่างๆ และยังเปิดรับเงินบริจาคด้วย

ซึ่งก็มีคนจำนวนมากที่เห็นใจในชะตากรรมของ แม่ปุ๊ก กับลูก ส่งความช่วยเหลือไปให้อีกเช่นเคย นอกจากนี้ แม่ปุ๊ก มักจะโพสต์อัพเดทอาการป่วยของ น้องอิ่ม และบิลค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งโพสต์ตัดพ้อว่าอยากขายไต หรือเฉือนเนื้อตัวเองไปขายมารักษาลูก

แต่การสั่งซื้อสินค้าก็เกิดปัญหาเดิมอีก เมื่อลูกค้าทวงถามก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ เช่น อ้างว่าตัวเองป่วย เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ โทรศัพท์ไม่มีเน็ต จนหลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตเรื่องน้องอิ่ม เช่น มีคนเสนอให้พาน้องไปรักษากับแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความเชี่ยวชาญ แม่ปุ๊ก กลับไม่รับข้อเสนอ

ส่วนเฟซบุ๊กของแม่ก็เริ่มปิดบ้างเปิดบ้างจนผิดสังเกต คนที่ติดตามและให้ความช่วยเหลือมาตั้งแต่กรณี หนูยิ้ม เริ่มสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า แม่ปุ๊กวางยาลูกทั้งสองคนเพื่อขอเงินบริจาค

จนเรื่องราวดังกล่าว มีการถูกพูดถึงและนำไปโพสต์ จึงมีคนไปถามว่าจริงหรือไม่ และเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 แม่ปุ๊ก จึงไปแจ้งความว่ามีบุคคล 2 คน โพสต์เฟซบุ๊กโจมตีเธอว่าวางยาลูกเพื่อรับเงินบริจาค ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีคนไปแจ้งความจับ แม่ปุ๊ก ในข้อหาฉ้อโกงด้วยเช่นกัน เนื่องจากโอนเงินแล้วไม่ได้ของ พร้อมกับมีกระแสออกมาว่า หนูยิ้ม และ น้องอิ่ม อาจไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของ แม่ปุ๊ก

ด้านแพทย์ได้มีการตรวจร่างกายน้องอิ่มบุญอย่างละเอียด ปรากฏว่า “พบสารเคมีที่ออกฤทธิ์เป็นกรด ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส คล้ายสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำหรือน้ำยาซักฟอก” เข้าสู่ร่างกายโดยการกลืนเข้าไป ทำให้มีแผลในปาก ลำไส้ และกระเพาะอาหาร และแพทย์ได้ทำการกลับไปตรวจสอบเคสของหนูยิ้มใหม่อีกครั้ง พบว่ามีอาการเหมือนกัน และอวัยวะภายในถูกกัดกร่อนเช่นเดียวกัน

ทีมแพทย์สงสัยพฤติกรรมของผู้เป็นแม่ จึงตัดสินใจนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ และสืบสวนเพิ่มเติมจนพบว่า มีลักษณะของการแสวงหาประโยชน์จากเด็กชัดเจน จนนำไปสู่การตรวจสอบสูติบัตรของ หนูยิ้ม พบว่า แม่ปุ๊ก ไม่ได้เป็นแม่เด็ก และไม่สามารถตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงได้ ส่วนสูติบัตรของ น้องอิ่มบุญ ระบุว่ามารดาคือ แม่ปุ๊ก ไม่มีชื่อบิดา แต่ไม่ปรากฏประวัติการฝากท้อง

สุดท้ายวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ตำรวจกองปราบฯ เข้าจับกุมตัวแม่ปุ๊กใน 5 ข้อหา ได้แก่ 1. รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ 2. พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3. ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย 4. ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และ 5. ฉ้อโกงประชาชน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ศาลพิเคราะห์คำเบิกความแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องจริง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

ส่วนที่จำเลยให้การรับสารภาพนั้น เพราะจำนนต่อหลักฐาน จึงไม่ลดโทษให้ โดยเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้ “ประหารชีวิตสถานเดียว” ทั้งนี้เมื่อจำเลยต้องโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษที่โจทก์ขอบวกโทษมารวมเข้ากับคดีนี้ได้อีก

และไม่นับโทษจำเลย ต่อจากคดีที่โจทก์ขอ และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 31,600 บาท จำนวน 2,000 บาท จำนวน 3,800 บาท จำนวน 3,140 บาท จำนวน 2,400 บาท รวม 42,940 บาท แก่ผู้บริจาค 5 คน ริบโทรศัพท์ที่เคลื่อนที่ของกลาง….

นี่เป็นอีกหนึ่งคดีสะเทือนใจที่ประชาชนหลายคนยังจำได้ถึงความโหดเหี้ยมเลือดเย็นผิดมนุษย์ ใครจะไปคิดละว่า การที่เราบริจาคเงินหรือช่วยซื้อสินค้าจากคนที่โพสต์ขอความช่วยเหลือในโลกโซเชียล มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ฆาตกร..ทำทารุณกรรมเด็กน้อยไร้เดียงสา.

ตำรวจชุมชนสัมพันธ์

มอบใบประกาศนักเรียน
ที่ห้องประชุมโรงเรียนวัดสุขไพรวัน ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง พ.ต.อ.พิมุข นาคขำพันธ์ ผกก.สภ.ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง ให้เกียรติเป็นประธานพิธีมอบเกียรติบัตรให้แก่นักเรียนที่จบหลักสูตรโครงการแดร์ (D.A.R.E) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดและความรุนแรงให้เด็กนักเรียน โดยมีนายสราวุธ ชินราช ประธาน กต.ตร.สภ.ปากน้ำประแสร์ พ.ต.ท.หญิงเสาวณี ปะวะโข สว.อก. เลขานุการ กต.ตร.สภ.ปากน้ำประแสร์ นายอนัญเวทน์ วิชัยนิษฐ์ กต.ตร.สภ.ปากน้ำประแสร์ นายชูชาติ คาดสนิท ผอ.โรงเรียนวัดสุขไพรวัน และคณะกรรมการโรงเรียนร่วมงานด้วย โดย พ.ต.อ.พิมุข นาคขำพันธ์ ผกก.สภ.ปากน้ำประแสร์ กล่าวว่า ในการจัดอบรมโครงการแดร์ (D.A.R.E) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดและความรุนแรงให้เด็กนักเรียน ซึ่งเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชา ให้นักเรียนได้ตระหนักได้เรียนรู้ทักษะชีวิตในการป้องกันสารเสพติดและความรุนแรง ตระหนักถึงผลร้ายของยาเสพติดและความรุนแรง การเปรียบเทียบความแตกต่าง การวิเคราะห์สื่อ แรงกดดัน การตัดสินใจ การใช้สิทธิการปฏิเสธ ตลอดจนการเรียนรู้กฎหมายเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เพื่อมุ่งหวังการนำความรู้สู่การปฏิบัติ นำทักษะชีวิตมาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน นอกจากนี้นักเรียนที่ผ่านการฝึกอบรมยังได้รับเกียรติบัตรเพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจแก่เด็กนักเรียนในการใช้ชีวิตต่อไป และขอขอบคุณทางคณะครูโรงเรียนวัดสุขไพรวัน คณะกรรมการ กต.ตร.สภ.ปากน้ำประแสร์ ที่ผลักดันโครงการนี้จนเป็นผลสำเร็จ และลุล่วงไปได้ด้วยดี

ตรวจประเมิน
พ.ต.อ.คะเชนทร์ ยืนยง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ในนามคณะกรรมการประเมินการบริหารงานของหัวหน้าหน่วยในสังกัดภูธรภาค 4 เดินทางมา สภ.ชุมแพ เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ ให้กับข้าราชการตำรวจ สภ.ชุมแพ พร้อมได้ทำการออกตรวจประเมิน พ.ต.อ.รัตนสุข คำวงศ์ ผกก.สภ.ชุมแพ จว.ขอนแก่น ตามแบบการประเมิน โดยได้เรียกประชุมข้าราชการตำรวจ สภ.ชุมแพ ทั้งหมดเข้าร่วมประชุม เพื่อทำการประเมินตามแบบตรวจ ซึ่งจะได้นำผลการประเมินดังกล่าว ไปใช้ในการบริหารงานบุคคลต่อไป

ฝึกยุทธวิธีกับต่างชาติ
ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และ พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รับผิดชอบงานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม จึงได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา จัดทำโครงการฝึกยุทธวิธีสำหรับตำรวจทางหลวง โดยได้รับการสนับสนุนครูฝึกจากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา หรือ DEA โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวง ในด้านยุทธวิธีให้มีความเป็นสากล มีประสิทธิภาพ ควบคู่กับความปลอดภัย โดยตำรวจทางหลวงจะได้เรียนรู้เทคนิควิธีการใหม่ๆ ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา โดยการฝึกอบรม ณ ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยมีตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจากทั่วประเทศ เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 40 นาย ในการพัฒนาความร่วมมือของกองบังคับการตำรวจทางหลวงและสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ในการที่จะปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด ผู้กระทำผิดกฎหมายบนทางหลวง สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ด้าน พ.ต.อ.อนุรัตน์ ฉิมทิม ผกก.4 บก.ทล.ขอนแก่น และ พ.ต.ท.บดินทร์ ชูเฉลิม สว.ส.ทล.2กก.4 ทล.ขอนแก่น ได้จัดส่งชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดเข้าร่วมฝึกอบรมในครั้งนี้ เพาะพื้นที่ภาคอีสานตอนบนเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดมีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง จนได้คำชื่นชมจาก บช.ก.และอีกหลายหน่วยงาน จนได้รับรางวัลผลการปราบปราม.

ชื่นชม สภ.ศรีบุญเรือง
ติด 1 ใน 3 ของ ผบช.ภาค 4 จาก 250 กว่าโรงพัก ที่ดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ และวันที่ 22 ก.ย. นี้ คณะกรรมการประเมินผล ของ สตช. จะลงพื้นที่เชิงประจักษ์ตามโครงการฯ ที่ชุมชนบ้านโคกม่วง ตำบลนากอก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู หากไม่เอ่ยชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก็คงกระไรอยู่ เริ่มจากพี่ใหญ่ พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ ผบก.ภ.จว.นภ., พ.ต.อ.ภพกร กวินโยธิน รอง ผบก.ภ.จว.นภ.ฝ่ายอำนวยการและสนับสนุน, พ.ต.อ.อัษดิน สมศรี รอง ผบก.ภ.จว.นภ. อดีต ผกก.สภ.ศรีบุญเรือง ที่ทำให้ สภ.ศรีบุญเรือง เป็นต้นแบบนาคาพิทักษ์ในระดับ บชภ.ภ.4 มาแล้ว และขอปรบมือให้กับ พ.ต.อ.สุมิตร นันสถิตย์ ผกก.สภ.ศรีบุญเรือง ที่ทุ่มเทและสานต่อเข้มข้นร่วมกับ พ.ต.ท.สุภี พลดงนอก รอง ผกก.ป.สภ.ศรีบุญเรือง พร้อมคณะวิทยากร ที่อยู่กับชุมชนตลอดหลักสูตร งานนี้ ตร. ไม่ได้ใจร้าย แต่มีจิตอาสา สู้สายเขียว “ยาบ้า” ลดกระหน่ำ ซื้อง่ายขายคล่องเสพจนอิ่มจุกครองสติไม่อยู่ หลายปมเหตุ “คลั่งฆ่า” ถี่ยิบเกลื่อนเมือง จากนโยบายผู้เสพคือผู้ป่วย ออก ก.ม.ปลดล็อกกัญชา-น้ำท่อม ช่วยออกมารับผิดชอบตอสังคมด้วย เปรยจับจนไม่ได้หลับได้นอนหนักขึ้นทุกวัน แนะผู้ค้าโทษประหาร-เสพติดคุกยาว คือคำตอบ สุดท้ายแต่ก็ผ่าทางตัน….ตำรวจทุกสถานีสู้ต่อไป

มอบทุนสนับสนุน
นางณัจยา เกษมก์สิริ ประธานแม่ตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย และคณะ เป็นผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจ มอบทุนสนับสนุนตามโครงการตำรวจ “เราไม่ทิ้งกัน” ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2565 ให้กับครอบครัวข้าราชการตำรวจ จำนวน 4 ครอบครัว ครอบครัวละ 12,000 บาท ณ ห้องประชุม 2 ภ.จว.สุโขทัย

มอบใบประกาศ
พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบช.รร.นรต. พร้อมคณะ ร่วมเข้าติดตามผลการดำเนินโครงการ RTP Cyber Village สภ.วังน้ำเย็น โดยมี พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.ชนณพัฒน์ ศิริเลิศ ผกก.สภ.วังน้ำเย็น, พ.ต.ท.สุรเศรษฐ์ ประภาศิริ รอง ผกก.ป.สภ.วังน้ำเย็น ตำรวจชุดปฏิบัติการ และผู้น้ำชุมชนบ้านภูเวียง, วังศิลา, สวนป่า, วังจำปี, แก่งสะเดา ร่วมให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งมอบใบประกาศให้กับผู้ที่เข้าร่วมขับเคลื่อนโครงการ ได้มีความก้าวหน้าในการดูแลประชาชน.

**************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป