“Train to busan peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง” เป็นผลงานที่สานต่อความสำเร็จของ Train to busan (ภาคแรกปี 2559) จากพล็อตหนังที่เริ่มในขบวนรถไฟที่เต็มไปด้วยซอมบี้ กลับกลายมาเป็นไวรัสระบาดหนักในคาบสมุทรเกาหลี โดยผู้กำกับ “ยอน ซังโฮ” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขาต้องการทำให้ภาค 2 เกิดความแตกต่างและมีความหลากหลาย เสนอแง่มุมมองโลกภายในที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ซีนและฉากต้องสุดอลังการกว่าภาคแรก
การถ่ายทำใช้เวลายาวนานกว่า 1 ปี มีการระดมทีมงานวิชวลเอฟเฟค 150 ชีวิตเพื่อเนรมิตรรายละเอียดปลีกย่อยของแลนด์มาร์คสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงโซล ให้กลายเป็นเมืองหลวงที่ถูกทำลายด้วยไวรัสซอมบี้ และที่สำคัญที่สุดเขายังได้เน้นการถ่ายในฉากไล่ล่าสุดหิน เพื่อเอาใจคอหนังแอ๊คชั่นจัดหนักแบบ fast & furious ผสมกับ mad max ด้วยฉากซิ่งรถหนีซอมบี้ชนิดไม่ต้องพักเหนื่อยอีกด้วย…
ย้อนรอย Seoul Station
Train to busan เป็นหนังที่สานต่อจากอนิเมชั่นที่ชื่อ Seoul Station ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวสะท้อนชนชั้นสังคมของเกาหลีใต้ เนื้อหากล่าวถึง ชายชราไร้บ้าน ได้ถูกใครบางคนทำร้ายจนเลือดท่วม แม้ผู้คนตามท้องถนนในเมืองพบเห็น แต่กลับไม่ยอมช่วยเหลือสุดท้ายเขาจึงกลายเป็นซอมบี้ไล่กัดกินคนทั่วเมือง และเมื่อเชื้อโรคร้ายระบาดก็ต้องส่งผลต่อชีวิตคนทั้งเมืองไปด้วย
ขณะเดียวกัน คู่รักหนุ่มสาว “คีวุง” ชายผู้ตกงาน และ “ฮะเยซอน” หญิงสาวที่เคยค้าบริการ ได้พยายามหนีตายจากฝูงซอมบี้ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ถูก “ซองกะยุน” พ่อเล้าในซ่องฆ่าตาย สาเหตุจากก่อนหน้านี้ “ฮะเยซอน” ได้หนีออกมาจากซ่องพร้อมกับขโมยเอาเงินทองของพ่อเล้าไปจนเกลี้ยง เขาจึงพยายามติดตามหาตัวฝ่ายหญิง จนมาพบข้อมูลการลงประวัติค้าบริการในเว็บแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้ที่นำข้อมูลไปลงไว้ก็คือ “คีวุง” แฟนหนุ่มของเธอนั่นเอง
หนังจบลงที่ “ฮะเยซอน” ถูกซ้อมจนบอบช้ำเสียชีวิตคาเตียง แต่เพราะศพของเธอมีรอยข่วนจากซอมบี้ที่ข้อเท้า เชื้อร้ายได้แปรสภาพศพเป็นผีดิบกระหายเลือด มันกระโจนเข้ากัดกิน “ซองกะยุน” อย่างสยดสยอง.
ย้อนรอย Train to busan
“ซอกวู” (รับบทโดย กงยู) ผู้จัดการกองทุนบริษัทเงินทุนรายใหญ่ที่มุ่งมั่นแต่จะหาเงินจนลืมชีวิตครอบครัว เขาอาศัยอยู่ในโซลกับลูกสาว “ซอ ซูอัน” (รับบทโดย คิม ซูอัน) โดยในวันเกิดของ “ซูอัน” เธอได้ขอร้องให้พ่อพาไปหาแม่ที่เมืองปูซาน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เชื้อไวรัสซอมบี้ได้แพร่ไปทั่วเมือง ไม่เว้นแม้แต่บนขบวนรถไฟ สองพ่อลูกพยายามหนีฝูงซอมบี้ จนรถไฟมาจอดยังเมืองแทจอน ปรากฏว่าทั้งเมืองมีแต่ฝูงซอมบี้ ทางเดียวที่จะรอดชีวิตก็คือรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ เพื่อหาทางไปยังเมืองปูซาน
โดยในช่วงที่ “ซอกวู” และกลุ่มผู้รอดตายคนสำคัญได้แก่ “ซังฮวา” ชายร่างใหญ่ (รับบทโดย มา ดงซอก), “ซองคยอง” ภรรยาสาวของซังฮวา (รับบทโดย จอง ยูมี) ต่างร่วมกันต่อสู้กับฝูงซอมบี้และพยายามหาทางขึ้นไปยังขบวนรถไฟ ต่างได้เห็นเบื้องลึกของมนุษย์ที่แสดงออกมาในภาวะคับขัน ทั้งความสูญเสีย ความรัก ความเห็นแก่ตัว การเอาตัวรอด จนผลักดันให้ “ซังฮวา” และ “ซอกวู” ยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อให้คนที่เขารักที่สุดมีชีวิตอยู่ต่อไป
หนังจบลงเมื่อ “ซองคยอง” และ “ซูอัน” เดินผ่านอุโมงค์รถไฟไปจนถึงเขตเมืองปูซาน โดยไม่รู้ว่ามีกลุ่มทหารที่เฝ้าอยู่ปลายทาง รับหน้าที่ยิงสังหารทุกคนที่เดินออกมา แต่ปรากฏว่าพวกเขาได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องเพลงทั้งน้ำตา จนไม่อาจลั่นไกสังหารได้ พวกเขาตัดสินใจเลือกที่จะรับตัวเด็กและหญิงสาวไปดูแลแทน
เรื่องย่อ “Train to busan peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง”
เหตุการณ์ 4 ปี หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ทำให้ประชาชนในประเทศเกาหลีใต้ ต่างกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด “จุง ซุก” อดีตนายทหารหนุุ่มชาวเกาหลี (รับบทโดย คังดงวอน) ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในฮ่องกง เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ต่างเกลียดชังคนเกาหลีในฐานะเจ้าของเชื้อมรณะ จนกระทั่งเขาก็ได้รับการว่าจ้างจากมาเฟียฮ่องกงด้วยเงินที่เขาสามารถตั้งหลักได้
ภารกิจก็คือให้พาทีมงานกลับไปยังคาบสมุทรเกาหลีเพื่อขโมยรถบรรทุกเงินกลับมา แต่เมื่อไปถึงทุกอย่างไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดไว้ เพราะกลุ่มคนที่รอดชีวิตซึ่งก็คืออดีตทหาร “หน่วยพิเศษที่ 631” ได้จับตัวผู้รอดชีวิตมาเล่นเกม “ซ่อนแอบ” ด้วยการโยนให้ซอมบี้ไล่เขมือบ “จุง ซุก” กับเหล่าสมาชิกจะหนีตายจากซอมบี้ และพวกมนุษย์วิปริตเหล่านี้ รวมทั้งทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ ติดตามได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
จุดเด่นของ “Train to busan peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง”
งานโปรดักชั่นของเรื่อง มีความโดดเด่นเหนือกว่าภาคแรก โดยเฉพาะคนที่เคยไปเกาหลีจะเห็นว่า มีหลายสถานที่เคยคุ้นตามาก่อน แต่ทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นเมืองแห่งความตาย เรียกว่าทำออกมาสมจริงจนน่าขนลุก ในส่วนของ “ซอมบี้” ยังคงมาในแนวเดิม ๆ คือ วิ่ง-กระโจน-ฟัด มีความเน่า กระหายเลือด สยดสยอง (+18) เติมเต็มด้วยสกิลลุยเป็นฝูง ลักษณะของ CG อลังการงานสร้างคล้าย World War Z ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีความสวยงามไม่แพ้ระดับฮอลลีวูด สำหรับ “ไฮไลท์” ของเรื่องที่ทำผู้ชมหลังไม่ติดเบาะก็คือ ฉากซิ่งรถหนีซอมบี้นานกว่า 20 นาที แม้ภาพรวมของการไล่ล่าจะดูโม้ไปมาก…แต่ก็ยังทำออกมาได้แน่นเฟรมและสวยงามสุดๆ
จุดด้อยของ “Train to busan peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง”
บทตัวละครยังไม่แน่น เอาความดุดันและองค์ประกอบอื่น ๆ มาใช้แทน ทั้งที่ภาคก่อนปูพื้นเรื่องความสำคัญของครอบครัว มีแง่คิดชีวตแบบตรงไปตรงมา ผู้ชมเห็นภาพการสูญเสียต่าง ๆ มนุษย์มีความรัก ความเห็นแก่ตัว และยอมเสียสละเพื่อคนที่รัก ทำให้ผู้ชมอินไปกับอารมณ์ของตัวละครหลัก ซึ่งจุดเด่นเหล่านี้กลับถูกลบหายไปจนเกลี้ยง ดังนั้นเมื่อซีนจะดึงอารมณ์ให้ดราม่า ซาบซึ้งเสียน้ำตา จากความเสียสละไม่ได้ ผลออกมาก็เลยแป๊ก!!
3/5 กะโหลก สำหรับภาพยนตร์แอ๊คชั่นฟอร์มยักษ์ ที่คุณภาพด้านโปรดักชั่นคับจอ แต่ยังไม่เจ๋งเท่าภาคแรก ให้แง่คิดว่าควรจะกลัว “ผี” หรือ “คน” มากกว่ากัน??
ปิดท้ายกันด้วยคำถามประจำสัปดาห์ เพื่อหาผู้โชคดีรับบัตรชมภาพยนตร์ฟรี 5 ท่าน (คนละ 2 ที่นั่ง) ในเครือโรงภาพยนตร์ “เอส เอฟ ซีเนม่า”
คำถามคือ คุณอยากไปชม Train to busan peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง กับใครมากที่สุดเพราะอะไร?
ร่วมสนุกตอบคำถามได้ที่ช่องแสดงความเห็นด้านล่างของคอลัมน์เว็บไซต์ Dailynews (ช่องแสดงความเห็นด่านล่าง) หรือเฟซบุ๊ก “ดูหนังกับหมี” ประกาศผลผู้โชคดีในวันที่ 27 ก.ค. (สำหรับผู้โชคดีจะต้องเข้ามายืนยันสิทธิ์ด้วยการอินบ๊อก ระบุแจ้งรับสิทธิ์ ในเพจเฟซบุ๊ก “ดูหนังกับหมี” ก่อนเวลา 18.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. (มิเช่นนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์) ดูหนังกันให้สนุกนะครับผม ^^
……………………..
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เว็บไซต์ ยูทูป และ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
ร่วมสนับสนุนความสนุกในการชมภาพยนตร์โดย SF