ภายหลังเกิดปรากฏการณ์ ม็อบนักเรียน-นักศึกษาขยายตัวชุมนุม แบบไฟลามทุ่ง “รัฐนาวา” ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตีธงส่งสัญญาณ “ถอย” เพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้ง
ท่านผู้นำใช้วิธี “ชักฟืนออกจากกองไฟ”!!
“สัญญาณถอยแรก” ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องขอยกเลิกการฝากขัง 2 แกนนำม็อบปลดแอก
(1)นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และ
(2)นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” ภายหลังทั้งคู่ ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 5 วัน
พนักงานสอบสวนให้เหตุผลการสอบสวนมีความคืบหน้า และไม่มีความจำเป็นต้องฝากขังทั้งคู่ระหว่างการสอบสวนอีกต่อไป
ขณะที่ “ทนายอานนท์” และ “ไมค์ ระยอง” ยืนยันเตรียมเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันเสาร์ที่ 19 ก.ย. แน่นอน
“สัญญาณถอยที่สอง” คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ฤกษ์แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐใน
คดีที่ดินฟาร์มไก่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่เป็นเรื่องค้างเก่าตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562
“คดีแรก” ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
“คดีที่สอง” ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีบุกรุกพื้นที่ป่า
“สัญญาณถอยที่สาม” ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพื่อรองรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยหลักการเบื้องต้นกำหนดกรอบงบประมาณทำประชามติ ต้องใช้เงิน 3,000 ล้านบาท แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต้องใช้งบประมาณเพิ่ม 1,000 ล้านบาท เนื่องจากต้องกระจายสถานที่ลงคะแนน และไม่ร่วมค่าจัดพิมพ์รายละเอียดร่างรัฐธรรมนูญแจกประชาชน ที่ต้องใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จต้องใช้เงิน 5,000 ล้านบาท ต่อการทำประชามติ 1 ครั้ง!!
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ภายหลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้น ท่านผู้นำปฏิเสธตอบคำถาม เกี่ยวกับกระแสข่าวรัฐประหาร ภายหลังกองทัพบกเคลื่อนย้ายกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ในหลายพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับอุทาน ไล่ผู้สื่อข่าวให้กลับบ้าน พร้อมระบุ “เลอะเทอะ ที่ถามแบบนี้”!!
สถานการณ์ประเทศตอนนี้ ทำให้หวนนึกถึงช่วงก่อนยึดอำนาจรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร วันที่ 19 ก.ย. 2549
ห้วงนั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ใช้วิธีสั่งเคลื่อนย้ายกำลังพล – อาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อทดสอบความพร้อม และทำให้ประชาชนเคยชินกับกระแสข่าวรัฐประหาร
จากนั้นวันที่ 19 ก.ย. พล.อ.สนธิ นำกำลังทหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยใช้กำลังหลักจาก “กองทัพภาคที่ 1” ภายใต้การนำของ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ทหารอ้าง 2 เหตุผลสำคัญที่ต้องยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ ประกอบด้วย (1)ปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น และ(2)ความขัดแย้งในบ้านเมือง
19 ก.ย. 2563 ม็อบปลดแอกมีกำหนดนัดระดมพลครั้งใหญ่ ประวัติศาสตร์การเมืองไทยกำลังเดินมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ต้องตามติดชนิดไม่กะพริบตา!!.