ถ้ามีโพลสำนักไหนจัดอันดับข่าว ที่หายากสุดแห่งปี เชื่อเลยคดีความที่เกี่ยวข้องกับ “นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด น้องชาย “เสี่ยเอก” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่า เกี่ยวข้องในคดีจ่ายเงินสินบนให้เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อแลกกับการเช่าที่ดินย่านเพลินจิต ต้องติดโผอันดับต้นแน่ ๆ 

ขนาดนักวิชาการชื่อดัง “รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร” อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มธ. ยังออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “กรณีคุณสกุลธรที่ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หลอกให้จ่ายเงิน 20 ล้านเพื่อได้สิทธิในการพัฒนาที่ดินย่านชิดลม-เพลินจิต ซึ่งเป็นไปได้ว่า เงิน 20 ล้าน เป็นเงินใต้โต๊ะ หรือ เรียกอีกอย่าง เป็นการติดสินบน เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้

เพราะเหตุใดจึงไม่ค่อยเห็นข่าวนี้ ใน page ดัง ๆ เช่น The Standard The Reporter ประชาไท ฯลฯ หรือผมหาไม่เจอก็ไม่ทราบ ใครทราบช่วยยืนยันด้วย ว่ามีข่าวนี้หรือไม่ใน page เหล่านี้ อีกทั้งในเฟซบุ๊กของ เหล่าแกนนำม็อบ ก็ดูเหมือนจะเงียบกริบกันหมด น่าแปลกไหมครับ”

ครับ…ที่น่าแปลกมากกว่านั้นคือ ไม่มีคำชี้แจงจาก ผู้บริหารสำนักข่าว ที่ถูกตั้งคำถาม ทั้งที่ในแง่การทำหน้าที่สื่อ ซึ่งเปรียบเป็นหมาเฝ้าบ้าน  การถูกตั้งข้อสงสัยว่า จงใจหรือ มีวาระซ่อนเร้น ไม่นำเสนอข่าวบางเรื่องนั้น ถือเป็นเรื่องผิดจริยธรรม ผิดหลักของการเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดีอย่างร้ายแรง  

แต่สังคมก็รับรู้กันมาตลอดว่า “คุณป้าสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” มารดาของเสี่ยเอก ถือครองหุ้นสื่อหลายสำนักผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ฯ แม้กระทั่งประธานคณะก้าวหน้า ยังเคยนั่งเป็น บอร์ดสำนักข่าวบางแห่ง และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อในตระกูลเดอะ

รวมทั้งสำนักข่าวที่ชอบนำเสนอ เรื่องราวของสถาบัน ในทางลบ จนถูกจับโป๊ะว่า บางเรื่องก็มั่วและบิดเบือน  ก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวข่าวสารด้านลบของสมาชิกตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” ถูกเป่าหายไป ทั้งในสื่อกระดาษและโลกออนไลน์

แต่คงไม่ได้หมายความว่า นายทุนหรือนักธุรกิจการเมืองรายใด จะครอบงำสื่อได้ทั้งหมด ห้ามไม่ให้นำเสนอข่าวเรื่องความพยายามเข้าไปลงทุนในที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ ของ “นายสกุลธร” จนกลายเป็นคดีความ และ กองปราบปราม (บก.ป.) กำลังขยายผลอยู่ เพื่อตรวจสอบดูว่า เป็นการติดสินบน หรือเป็นขั้นตอนในการทำธุรกิจ

และเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา สื่อนำเสนอข่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวน บก.ป.  ดำเนินการตรวจสอบคดีทุจริตในสำนักงานทรัพย์สินฯ เพิ่มเติม ในสำนวนที่ 2 ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับ “นายสกุลธร” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสทฯ 

เนื่องจากเป็นผู้ให้เงินกับ “นายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ” อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ และ “นายสุรกิจ ตั้งวิทูวณิช พนักงานบริษัทเอกชน” สองผู้ต้องหาในสำนวนคดีแรกที่ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตัดสินจำคุก กระทั่งเมื่อสองผู้ต้องหาในสำนวนคดีแรกพ้นโทษออกมาจากเรือนจำแล้วนั้น

ทางพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ได้ออกหมายเรียกบุคคลทั้งสอง ให้เข้ามาพบอีกครั้ง ซึ่งบุคคลทั้งสอง เดินทางมาให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เป็นที่เรียบร้อย โดยในข่าวระบุว่า แม้ “นายสุรกิจ” จะไม่ยอมกล่าวลงลึกไปถึงรายละเอียดเชิงลึกทางคดีมากนัก 

แต่ก็มีคำให้การบางส่วนที่ค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีพอสมควร เพราะมีการยอมรับว่า เป็นผู้รับเช็คจาก “นายสกุลธร” ก่อนส่งต่อเช็คดังกล่าวให้กับนายประสิทธิ์จริง ส่วนนายประสิทธิ์จะนำไปให้ใครต่อนั้น ยืนยันว่าไม่ทราบ 

สำหรับคำให้การของ “นายสุรกิจ” สอดคล้องกับคำให้การของ “นายประสิทธิ์” ที่ยอมรับว่ามีการรับเช็คต่อมาจากนายสุรกิจจริง ก่อนจะนำไปส่งต่อให้กับบุคคลอื่น ตามพยานหลักฐาน เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ที่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบก่อนหน้านี้ ซึ่งในส่วนของการดำเนินการของพนักงานสอบสวน บก.ป. หลังจากนี้จะทำการออกหมายเรียก บุคคลที่มีหลักฐานว่า เป็นผู้รับเช็คดังกล่าว ต่อจากนายประสิทธิ์มาเข้าให้ปากคำเพื่อชี้แจงข้อสงสัย

ดูจากการตรวจสอบคดีแล้ว  เห็นทีจะไม่จบง่าย ๆ ตามความต้องการของใครบางกลุ่ม ยิ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดเหตุ เพลิงไหม้เรือยอชท์ ชื่อ Silvretta ขึ้นมาอีก ถึงต้องบอกว่า ไม่มีทางปิดปากหมาทุกตัว ไม่ให้เห่าได้หรอก.

เขื่อนขันธ์