เรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในอ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ถือเป็นอีกมุมหนึ่งที่สะท้อนถึงความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศไทย เพราะมีมากถึง 8 ชีวิตที่ต้องอยู่กันอย่างแออัดภายในกระท่อมผุพังชายป่าสวนยางไม่มีเลขที่ด้วยความยากลำบาก บนพื้นที่หมู่ 2 ต.โคกม่วง ซึ่งเป็นที่ดินของพลเมืองดี เพราะครอบครัวนี้ไร้ที่ดินและบ้านเป็นของตัวเอง
โดยภาพที่กลายเป็นความเคยชินของชาวบ้านในละแวกนี้ ทำให้หลายคนคิดสงสารก็คือ…จะมีเพียง “ลูกเขย” ที่ออกไปทำงานรับจ้างหาเลี้ยงคนในบ้านทั้งหมดเพียงลำพัง กับรายได้จากการขับรถก่อสร้างวันละ 350 บาท เพราะทุกวันนี้พ่อตามีเหตุต้องกลายเป็นผู้พิการ รวมถึงเด็ก ๆ ที่ยังเล็กอีก 4 คนซึ่งอยู่ในวัยกำลังเติบโต แต่เขยคนนี้ก็ไม่เคยปริปากบ่น แม้จะทุกข์แค่ไหนก็ไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใคร
น.ส.อุรินทร์ อินทะปาระ อายุ 25 ปี บอกว่า ทุกวันนี้ชีวิตค่อนข้างลำบาก เพราะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายใด ๆ ก็ตามในครอบครัว คือความจำเป็นต้องใช้กินใช้อยู่ด้วยเงินวันละ 350 บาท เป็นรายได้จากการทำงานของสามี ซึ่งแทบจะไม่พอกับ 8 ชีวิตคือ พ่อ แม่ ตนและสามี รวมถึงลูก ๆ ทั้งหมด 4 คน แต่ตนก็พยายามอยู่ให้ได้และช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตนก็ไม่เคยเรียกร้องความช่วยเหลือจากใคร แม้จะสงสารลูก ๆ ทั้ง 4 คนที่ต้องเกิดมาลำบากไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ มากก็ตาม
ด้วยเหตุนี้เรื่องราวดังกล่าว นาวาอากาศเอกสุทธิพงศ์ วงศ์สวัสดิ์ ผู้บังคับการกองบิน 56 อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ได้ร่วมกับกลุ่มพลังอาสายามยาก เข้าให้การช่วยเหลือครอบครัวน.ส.อุรินทร์ โดยประกอบไปด้วยน.ส.อุรินทร์ และสามี ส่วน นายโชติ อินทะปาระ อายุ 50 ปี (ผู้เป็นพ่อ) ซึ่งล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ กลายเป็นผู้พิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นางกัลยา ศรีสะอาด อายุ 40 ปี (ผู้เป็นแม่) และเด็ก ๆ อีก 4 คน
ความยากลำบากไม่ได้จำกัดเพียงเฉพาะผู้ใหญ่ เพราะเด็กจำนวน 4 คนในบ้านหลังนี้ ซึ่งยังเล็กและอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนและเรียนหนังสือ คนโตผู้ชายอายุ 9 ขวบ คนรองผู้หญิงอายุ 8 ขวบ ถัดมาผู้ชายอายุ 4 ขวบ และคนสุดท้องผู้ชายแรกคลอดอายุเดือนเศษ ๆ บางครั้งก็ต้องอดมื้อกินมื้อเป็นธรรมดาของความยากจน
น.ส.อุรินทร์ บอกอีกว่า ตนต้องดูแลลูกและพ่อที่พิการเพราะเส้นเลือดในสมองตีบ จากที่เคยทำงานตระเวนขายไอศกรีมและอาศัยบ้านเช่า แต่เมื่อล้มป่วยก็ไม่มีเงิน ต้องมาอาศัยสร้างกระท่อมอยู่กัน 8 ชีวิตในที่ดินของพลเมืองดี ครัวก็เอาหินมารองและใช้ไม้ฟืนหุงหาทำอาหารกินกันบนพื้นดิน ที่นอนที่กินที่เดียวกัน ซึ่งลำบากมาก แต่โชคดีที่ทหารกองบิน 56 และผู้ใจบุญมาช่วยซ่อมแซมบ้านให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้นกว่าเก่า
เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันเร่งซ่อมแซมกระท่อนหลังเดิมที่ผุพัง โดยการนำสังกะสีมามุงหลังคาและนำไม้มากั้นให้เป็นสัดส่วน ทั้งห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ เพื่อให้มีความสะดวกมากขึ้น แม้จะไม่สบายเหมือนบ้านทั่วไป จากเดิมที่ภายในกระท่อมหลังนี้ต้องอยู่กันแบบที่เรียกว่านอนกลางดินกินกลางทรายแออัดยัดเยียดถึง 8 ชีวิตอย่างน่าสงสาร
หากใครพอจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนี้ก็ยินดี เพราะขาดแคลนทุกอย่าง โดยสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์หมายเลข 063-0727323.
………………………………………..
คอลัมน์ : นิยายชีวิตอาทิตย์สไตล์
โดย “ทวีลาภ บวกทอง”