ฮอตหนักแบบไม่เผื่อใครเลยจริงๆสำหรับนักร้องหนุ่มมีสไตล์ ปัน-สรณวรรธ พิชัยรณรงค์สงคราม ที่ล่าสุดสร้างความฮือฮาให้กับแฟนๆหนักมากหลังไปเป็นศิลปินไทยที่ไปร่วมพูดคุยในรายการวิทยุของเกาหลี งานนี้หลายคนเลยอยากรู้หนักมากว่าอะไรคือเหตุผลที่เขาไปในครั้งนี้ และผลงานล่าสุดของเขามีอะไรบ้าง งานนี้สาวสวยรวยเสน่ห์อย่าง yimyim ไม่พลาดนะจ๊ะ พาทุกคนไปคุยกับเขาเลย

แนะนำตัวหน่อย วันนี้มามาทำอะไร?
สวัสดีครับแฟนๆเดลินิวส์ออนไลน์ผม ปัน-สรณวรรธ พิชัยรณรงค์สงคราม ศิลปินจาก High Cloud Entertainment วันนี้มาเดินสายโปรโมทซึ่งเป็นซิงเกิ้ลที่สอง ต่อจากเพลง KRYPTONITE ซึ่งเพลงนี้มีชื่อเพลงว่า “MUSE” สำหรับซิงเกิ้ลที่สองก็พิเศษขึ้นมาหน่อยได้ศิลปินจากเกาหลีมาร่วมคอลแลปส์ด้วย นั้นก็คือ DAVII ศิลปินและโปรดิวเซอร์ชื่อดัง

ปันได้ร่วมงานกับศิลปินต่างประเทศด้วยเป็นอย่างไรบ้าง?
ตอนแรกก็ตื่นเต้น จริงๆ ก็ต้องตื่นเต้นทุกคน ด้วยความที่เราใช้ภาษาไม่เหมือนกัน และระบบการทำงานที่เราได้ฟังคร่าวๆ ว่าทางเกาหลีจะมีเคร่งในการทำงานมาก และพอผมได้ไปทำจริงๆ ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ผู้คนจะเฟรนด์ลี่มากๆ ทำให้เราได้เรียนรู้ และซึมซับ พร้อมทั้งนำมาปรับใช้ในการทำงานได้เยอะเลย ซึ่งถิอว่าต่างจากที่ไทยมาก เพราะทางเกาหลีจะมีหน้าที่อย่างชัดเจน และทำกันอย่างเต็มที่ เป็นระบบมากๆ

จริงๆ เราเคยร่วมงานกับทางประเทศเกาหลีมาแล้ว?
ใช่ครับ ถือว่าเป็นการสัมภาษณ์ทางวิทยุเกาหลีครั้งแรกในชีวิตเหมือนกัน บอกเลยว่าโมเมนต์ตอนนั้นผมตื่นเต้นมาก นอนไม่หลับ คืนนั้นก่อนเข้าสัมภาษณ์ผมก็เตรียมสคริปต์ เตรียมพูดหนักมาก แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันพรึ่บออกไปหมดเลย เราตื่นเต้นมากๆ แต่เขาก็เอ็นดูเรา ต้อนรับเราอย่างดี และอย่างที่บอกผมเป็นศิลปินคนแรกที่เป็นคนไทย และเป็นศิลปินคนแรกด้วยที่อายุน้อยกว่าแขกรับเชิญทุกๆ คนที่เคยมา นอกจากนี้ยังเป็นการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษครั้งแรกของผมด้วย ลำพังสัมภาษณ์ภาษาไทยผมยังงงๆ เลย แต่เป็นภาษาอังกฤษก็กังวลว่าจะทำได้ไหม แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้

หลายๆ คนยังไม่เคยได้ไปถึงจุดนี้ เราภูมิใจไหม?
ผมภูมิใจมากๆ ที่เราเริ่มต้นจากศูนย์ ตั้งแต่การทำงานแรกๆ ไม่มีใครเห็นมาก่อน จนวันนี้เพลงที่ผมทำได้พาผมไปถึงต่างประเทศ ได้มีคนที่พร้อมซัพพอร์ตและเอ็นดูเรา ผมรู้สึว่าเป็นสิ่งที่มีค่า และภูมิใจมากจริงๆ

หลายคนรู้ และสนใจว่าเราไปถึงขนาดนี้ มีแอบเข้ามาแซวบ้างไหม?
มีเข้ามาบ้างครับ พอกลับมาก็แซวว่าพูดไทยไม่ได้แล้วมั้ง ผมก็ตอบไปว่าพูดไทยได้นิดหน่อย แต่ผมไปที่นั้นก็ได้เรียนรู้คำศัพท์เกาหลีนิดหน่อย คือตัวผมเป็นคนที่ชอบทานน้ำเยอะมาก และดื่มน้ำบ่อยๆ ผมเลยถามพี่ๆ ว่ามีประโยคไหนที่สอนผมแล้วผมอยู่ที่เกาหลีแล้วไม่อดตายบ้าง พี่เขาก็สอนว่า มูล จม จุ เซ โย ก็แปลว่า “ขอน้ำหน่อยได้ไหมครับ” ผมก็พูดประโยคนี้ทั้งวันเลย ซึ่งนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรอดมาถึงทุกวันนี้ (หัวเราะ)

นอกจากนี้มีโปรเจคท์พิเศษมั้ย?
จริงๆ ก็นะครับ นอกจากที่เราไปครั้งนี้แล้ว ได้ไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ แล้ว ได้ทำงานด้วย เดี๋ยวก็จะมี Vlog และมีเซอร์ไพร้ส์แน่นอน

ได้มีอะไรมาปรับใช้ในการทำงานไหม?
จริงๆ ใช้ได้ค่อนข้างเยอะเลย เหมือเราไป เราได้ปลดล็อกอะไรในตัวด้วย พอเราได้เจอเหมือนอีกโลกหนึ่งเลย ในขณะที่เราอยู่ในประเทศไทยผมก็คิดว่ามันคงมีแค่นี้ แต่พอเราได้ออกไปแล้ว เราได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ และเมื่อเรากลับมาที่ไทย เราก็อยากจะเอาส่วนนี้มาพัฒนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจุดที่เรา ทั้งเรื่องระเบียบวินัย และการพัฒนาอุตสาหกรรมเพลง ซึ่งเป็นสำคัญมาก

แล้วโปรเจคท์เพลงใหม่ล่าสุด เป็นอย่างไรบ้าง?
สำหรับเพลง “MUSE” ก็จะเป็นเนื้อหาพรรณนาถึงหญิงสาวที่เป็นนางในฝัน จริงๆ เพลงนี้เขียนและก็ทำไว้นาแล้ว ก่อนที่จะหยิบยกขึ้นมาทำ ซึ่งตอนนี้เสียงผมยังเด็กมาก แต่ผมก็ไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะมันเป็นมูสของเพลงในตอนนั้น อยากให้มีกลิ่นอายฟีลเดิม ตอนที่ผมแต่งเพลงนี้ ผมนั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ผมนึกถึงว่าถ้ามีนางในฝัน ผมก็จินตนาการว่าเขาจะเป็นยังไง หน้าตายังไง ผิวพรรณยังไง คงจะสวยน่าดูเลย

เพลงนี้ใช้เวลานานไหม?
สำหรับเพลงนี้จริงๆ ก็ใช้เวลานาน เพราเราคอลแลปส์ระหว่างประเทศด้วย การทำงานมันเลยไม่ได้เป็นการทำงานระหว่างราอย่างเดียว ต้องมีการส่งฟีดแบ็กไปทางเกาหลีด้วยว่ามีเนื้อหาเป็นยังไงบ้าง มู้ดเพลงเป็นยังไง คอนเซปต์เป็นยังไง แต่ก็เป็นการทำงานร่วมกันที่ประสบความสำเร็จ

ติดใจการทำงานแบบนี้ไหม?
ถ้าถามว่าติดใจไหม จริงๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มาเยอะมาก และในอนาคตก็มีศิลปินอีกมากมายที่ผมรอรวมคอลแลปส์อีกแน่นอน ซึ่งผมคิดว่าภาษามันไม่มีกำแพง ผมอยากจะปลดล็อกมันไปเรื่อยๆ ในหลายๆ ประเทศ และอยากให้หลายๆ ประเทศรู้จักภาษาไทยมากขึ้นด้วย

มีศิลปินที่อยากทำงานด้วยมั้ย?
ศิลที่อยากคอลแลปส์ด้วยเยอะมากๆ แต่ตอนที่ไปเกาหลีผมจะบอกกับทีมงานตลอดว่าอยากไปดู “J Park” ถ้าเป็นได้ก็อยากทำงานร่วมกับเขา ซึ่งผมมองว่าผมไปทางแนวนี้ได้ ผมไปได้หมดเลย ส่วนถ้าเป็นแนวเต้นแบบไฟลุกก็ต้องลองดูถ้ามีโอกาส

ความคาดหวังในเพลงนี้เป็นอย่างไร?
จริงๆ ก็ไม่อยากคาดหวังนะ เหมือนกับเพลงที่แล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ผลตอบรับมันก็ดีมากเลย ซึ่งเพลงนี้จุดหมายจริงๆ ที่ตั้งไว้อยากให้ภาษาไทย ดนตรีแนว T-Pop ได้ออกมาสู่สากลมากขึ้น ให้คนได้ยินเพลงไทยที่ไม่เคยได้ยินมากขึ้น ได้ทำในสื่งที่เราได้ทำมาก่อนคอการทำงานเพลงระหว่งประเทศ ได้เชื่อมโยงกับหลายๆ ประเทศมากขึ้น ถือเป็นก้าวที่สำคัญมากๆ

ตอนนี้ T-Pop ได้กลับมาบูมอีกครั้ง และมีหลายๆ คนกำลังผลักดัน ในมุมเรามองศักยภาพของ T-Pop ยังไง?
ผมมองว่าวงการ T-Pop มีคนที่เก่ง มีบุคลากรที่เก่งหลายๆ คน ทั้งทีมงานเบื้องหน้า เบื้องหลัง รวมไปถึงศิลปิน มีความยูนีก และเก่งในแบบของตัวเอง ซึ่งถ้าหากมีแสงส่องมาถึงเขามากขึ้น หรือมีคนทำให้เกิดขึ้นมานิดนึงแล้ว มันก็คงจะเป็นเหมือนเส้นทางที่ปูให้กับคนรุ่นหลัง หรือศิลปินที่ถูกส่องถึง สามารถเข้าถึงแสงตรงนี้มากขึ้น และเราก็จะเติบโตมากขึ้น

ได้อ่านฟีดแบ็กจากแฟนๆ บ้างไหม?
ผมได้เข้าไปอ่าน แฟนๆ ที่ติดตามก็บอกว่าผมโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกผลงานที่ปล่อยออกไป เหมือนเขาติดตามมาตั้งแต่แรกที่เริ่มทำเพลงจนถึงเพลงล่าสุด ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีก้าวกระโดดที่ไปไกลมากขึ้น ชึ่งผมชื่นใจมากๆ ที่แฟนๆ คอยติดตามการเติบโตของผมบนเส้นทางนี้ ผมก็มักจะบอกว่าแฟนคลับตลอดว่า เหล่า “Always” (ชื่อด้อมแฟนคลับ) ซึ่งคำว่า Always ไม่ได้หมายความว่าตลอดไป แต่มันคือความสม่ำเสมอ เท่าเดิม ผมไม่ได้ต้องการความหวือหวาอะไร ผมแค่รู้สึกว่าการที่คุณติดตามผม ซัพพอร์ตผลงานผม แค่นี้ก็ดีใจมากๆ แล้ว

นี่เป็นความฝันเดียวของเรามั้ยในการเป็นศิลปิน?
ใช่ ผมมองไม่เห็นภาพตัวเองตั้งแต่ ม.3 แล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทำอะไร เหมือนตอนนั้นเรารู้ตัวแล้ว เพราะตอนเด็กๆ แม่จะพาไปเรียนพิเศษเยอะมาก ทำให้ผมมีสกิลในทุกๆ ด้าน แต่สุดท้ายก็อยู่กับผมไม่ได้นาน แต่สิ่งที่อยู่กับปมได้นานนั้นก็การทำเพลง

ค้นหาตัวเองยังไงถึงรู้ตัวว่าใช่ในเส้นทางสายนี้?
จริงๆ มันตอบยากมาก เรียกว่าเป็นแรงขับเคลื่อนในใจมากกว่า นอกจากสิ่งที่เรารัก และเราทำได้เต็มที่แล้ว มันจะต้องมีไฟบ้างอย่างในใจที่เรียกว่าความเชื่อ เชื่อว่าเราจะไปอยู่ในจุดนั้นได้ และเชื่อว่าเราคือคนที่เรามองภาพไว้จริงๆ ซึ่งเมื่อก่อนผมจะชอบเปิดคอนเสิร์ตในห้อง และก็ร้องเพลงส่องกระจก เหมือนอยู่บนเวทีมีคนมาดูเราเล่นคอนเสิร์ต ซึ่งตอนนี้มันเป็นจริงแล้ว มีคนมาดูผมแล้วจริงๆ รู้สึกเป็นเหมือนสิ่งที่เเราฝันไว้ แต่มันเกิดขึ้นจริงเพราะผมเชื่อมันอย่างนั้น

ในอนาคตจะไล่สเต็ปไปจุดไหนอีก?
เดี๋ยวรอติดตามในอนาคต ผมไล่ไปเรื่อยๆ แน่นอน

แหม…ได้ใกล้ชิดทัศนคติของหนุ่มคนนี้แล้ว บอกเลยว่าแฟนๆจะหลงรักในความพยายามและความสามารถของเขาแน่นอนเพราะเขาถือเป็นอีกหนึ่งคนที่มีไฟและพลังของคนรุ่นใหม่อย่างเต็มเปี่ยม ยังไงอย่าลืมซัพพอร์ตหนุ่มคนนี้กันเยอะๆนะคะ


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”