เห็นข่าวมาหลายเดือนแล้วว่า นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ออกมาแสดงความกังวลกับปัญหา “เด็กเกิดน้อย” สวนทางกับสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น นายสาธิตจึงต้องการทำโครงการอะไรขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย ในแนว ๆ “ปั๊มลูกเพื่อชาติ” รัฐบาลจำเป็นต้องลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ โดยให้เด็กทุกคนเป็น “ลูกของรัฐบาล” อะไรทำนองนั้น

จากข้อมูลปี 64 มีเด็กเกิดใหม่ลดเหลือ 544,570 คน อัตราการเจริญพันธุ์ต่ำมากอยู่ที่ 1.51 คน สวนทางกับสังคมผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดย “สภาพัฒน์” คาดว่าปี 68 ประเทศ ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ คือมีผู้สูงอายุ 60 ปี มากกว่า 14.5 ล้านคน หรือ 20.7% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ

ที่น่าห่วงคืออีกไม่กี่ปีข้างหน้า ไทยอาจจะเหลือประชากรไม่ถึง 40 ล้านคน ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน กระทบต่อการจัดเก็บภาษี มีปัญหาทางสังคมตามมา เพราะมีคนสูงอายุจำนวนมาก แต่ไม่มีลูกหลานคอยดูแล กลายเป็นภาระของรัฐในที่สุด

อันที่จริงปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน มีปัญหามาก่อนประเทศไทย และสาเหตุใหญ่ ๆ ที่คนไม่ต้องการมีลูก ส่วนหนุ่ม-สาวครองชีวิตโสดกันนาน ๆ เพราะเรื่องเศรษฐกิจเป็นเหตุผลหลัก

ปัญหาของประเทศไทยซับซ้อน และมีรายละเอียดมากกว่าสิงคโปร์ และญี่ปุ่น คือนอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ปัจจุบันคนวัยเจริญพันธุ์ในประเทศไทยมองไม่เห็นอนาคต เขากลัวตกงาน ถ้ายังมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศอยู่

คนวัยเจริญพันธุ์มองไม่เห็นอนาคตจริง ๆ เขาจึงพยายามออกมาประท้วงขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์กันหลายรอบแล้ว ดังนั้นไม่ต้องคิดทำโครงการอะไรต่าง ๆ ให้เสียเวลา ไม่ว่าจะเป็น “ปั๊มลูกเพื่อชาติ” หรือว่าโครงการเด็กทุกคนเป็นลูกของรัฐบาล

เอาเป็นว่านายสาธิตมองเห็นปัญหาว่า “เด็กเกิดน้อย” แต่ไม่มีทางแก้ปัญหาได้เลย! ตราบใดที่ยังเป็นรัฐมนตรีภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์

เนื่องจากคนวัยเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่ เห็นสภาพการบริหารจัดการประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วง 8 ปี ที่ผ่านมา เลยคงไม่มีใครอยากมีลูก! เพราะสงสารลูก สงสารเด็ก เกิดมาแล้วต้องแบกหนี้กันหลังแอ่น ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน เด็กแต่ละคนเกิดมากว่าจะส่งเสียเรียนจบปริญญาตรีต้องใช้เงินเท่าไหร่? ขนาดโรงเรียน-มหาวิทยาลัยของรัฐ ยังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แถมจบออกมาแล้วไม่รู้จะมีงานทำหรือเปล่า?

หลายคนจึงยอมอยู่ตัวคนเดียวดีกว่าในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ท่ามกลางภาวะข้าวของแพงไปหมด ไม่ได้มีบ้านหลวงอยู่ฟรี พร้อมน้ำ-ไฟฟรี พาหนะและคนขับฟรี ขนาดอยู่คนเดียวยังแทบเอาตัวกันไม่รอดเลย ไม่รู้ว่าจะถูกลดเงินเดือน จะตกงานเมื่อไหร่? การทำมาหากินต่อจากนี้จะเป็นอะไรไม่รู้ ถ้ายังมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อยู่

ลองมองภาพให้กว้างก็แล้วกัน ขนาดคนมีอายุ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี ยังเครียดจัด หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ต้องฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก ในยุคนี้สถิติฆ่าตัวตายของคนไทยสูงติดอันดับโลก

แล้วใครอยากจะมีลูกกันเล่า? ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ แถมปัญหาสังคมต่าง ๆ รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมสูง ยาเสพติดระบาด ยังปราบปรามยาบ้า-ไอซ์ กันไม่หมดเลย! แต่เอากระท่อม กัญชง กัญชาขึ้นมาปลูก-ขายกันอย่างเสรี

สมัยหน้า! ถ้านายสาธิตและพรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าไปร่วมงานกับกลุ่มพี่น้อง “3 ป.” และนายกฯ ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไปแล้ว! คนวัยเจริญพันธุ์เขาอาจมีกะจิตกะใจมีอารมณ์ “ปั๊มลูกเพื่อชาติ” กันเองโดยอัตโนมัติ…เชื่อเถอะ!!.